FSS มองหุ้นไทยปีนี้ 1770 หุ้นกลางและเล็กน่าจะไปต่อได้ แต่ Top pick หุ้น Domestic Plays

401 จำนวนผู้เข้าชม  | 

FSS มองหุ้นไทยปีนี้ 1770 หุ้นกลางและเล็กน่าจะไปต่อได้ แต่ Top pick หุ้น Domestic Plays

การที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำจุดสูงสุดของปี ที่ 1,657.62 จุด คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 14.37% จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อพิจารณาลงรายละเอียด จะพบว่า หุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด กลับไม่ใช่หุ้นใหญ่ แต่กลับเป็นหุ้นขนาดกลางและเล็ก ดูได้จากดัชนี mai ซึ่งปิดที่ 582.13 จุด เพิ่มขึ้น 73.10% ขณะที่ดัชนี SET50 สิ้นปี ปิดเพิ่มจากปีก่อนเพียง 8.82% โดยปิดที่ดัชนีบริเวณ 990.75 จุด หรือวัดจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ mai  ที่เติบโต 100.82% เทียบกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นแค่ 21.58%

ซึ่งการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทยในปีที่ผ่านมา เป็นรองแค่เวียดนาม ไต้หวัน และอินเดียเท่านั้น โดยการปรับขึ้นเป็นการเริ่มจากฐานที่ค่อนข้างต่ำเมื่อต้นปี และดัชนีตลาดหุ้นไทยปัจจุบันยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด  

สำหรับผลตอบแทนหุ้นรายกลุ่มในปีที่แล้ว ปรากฏว่า สามอันดับแรกเป็นกลุ่มม้ามืดทั้งสิ้น โดยอันดับหนึ่งเป็นกลุ่ม ICT นับเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างน้อยในรอบ 11 ปี ซึ่งน่าจะมีสาเหตุจาก 2 เหตุการณ์สำคัญ คือ การที่ GULF กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH คาดว่าทั้ง INTUCH และ ADVANC จะจ่ายปันผลเยอะขึ้น และดีลควบรวมกิจการระหว่าง TRUE กับ DTAC ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะทำให้การแข่งขันไม่ดุเดือดอีกต่อไป ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หนุนให้แนวโน้มกำไรเติบโตดีขึ้น อันดับสองเป็นหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทั้งที่เจอการปิดแคมป์ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดหลายระลอก และอันดับสาม เป็นกลุ่มสื่อและบันเทิง               



อย่างไรก็ตาม การที่แนวโน้มดอกเบี้ยปรับเป็นขาขึ้นทั่วโลก และเศรษฐกิจไทยส่อเค้าฟื้นตัวดีขึ้นกว่าปีก่อน ทำให้หุ้นกลุ่ม Domestic Plays และ Value Plays น่าจะกลับมา Outperform หุ้นกลุ่ม Global Plays ซึ่งปรับตัวดีในปีที่ผ่านมา และยกฐานขึ้นสูงแล้ว ส่งผลให้กลุ่มหุ้นที่อยู่ในอันดับล่างๆ อย่างกลุ่มธนาคาร อาหาร และพาณิชย์ จะกลับมา perform ได้ดีในปีนี้ และผลักดันให้ดัชนีเป้าหมายสิ้นปีนี้ น่าจะขยับขึ้นมาได้ถึง 1,770 จุด เมื่อตั้งสมมติฐานว่า กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (EPS) ขยับขึ้นมาเป็น 96 บาท อิง Implied 2022 P/BV ที่ 1.85 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ 1.90 เท่า และหากยังคงมีเงินทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง อาจเห็นดัชนีไต่ขึ้นไปบริเวณ 1,800 จุด ได้

ซึ่งเมื่อคัดเลือกหุ้นเด่น 10 ตัว FSS ชี้เป้าไปที่หุ้น CK CPALL CRC GPSC JR JWD KBANK MEGA ORI และ TKS

ส่วนหุ้นขนาดกลางและเล็ก เชื่อว่า ยังขยับต่อได้ แต่ยิ่งเข้าใกล้ปี 2566 จะต้องเพิ่มความระวังมากขึ้น เพราะเมื่อย้อนดูสถิติในอดีต ช่วงปี 2556 ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยุติ QE ตลาด mai ปรับลงราว 40% ประกอบกับราคาหุ้นมีการปรับเพิ่มค่อนข้างมากแล้ว  

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ควรเน้น “แบ่งไม้ทยอยสะสม” เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโอไมครอน แบ่งเป็น 3 ไม้ ไม้แรก คือ 1,590-1,600 จุด ไม้ถัดไปเป็น 1,550- 1,570 จุด และกรณีมีการ Lockdown ที่ 1,500-1,520 จุด

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้