311 จำนวนผู้เข้าชม |
มอร์นิ่งสตาร์ ไทยแลนด์ (Morningstar Thailand) สรุปผลดำเนินงานกองทุนรวมในรอบปี 2564 อันดับ 1 ต้องยกให้กองทุนน้ำมัน ให้ผลตอบแทนสูงถึง 65.9% อันดับ 2 เป็นหุ้น mid-small Caps ไทย และอันดับ 3 หุ้นอินเดีย โดยกลุ่มกองทุนน้ำมันมีผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 65.9% สูงสุดในอุตสาหกรรมกองทุนรวม ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับขึ้นตลอดทั้งปี และเฉลี่ย 0.8% ในไตรมาสสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการลงทุนสินทรัพย์ประเภทนี้มีความผันผวนสูงในแต่ละปี เช่นในปี 2563 เฉลี่ยติดลบ 35.2% และปีก่อนหน้าสูงถึงเกือบ 25% โดยในช่วง 10 ปีย้อนหลัง เคยติดลบมากที่สุดในปี 2556 ถึง 43.3% ทำให้ภาพรวมตลอด 10 ปี ยังติดลบอยู่ 8.6%
สำหรับผลตอบแทนกองทุนหุ้นไทยฟื้นตัวจากปี 2563 นำโดยกองทุนกลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็ก (Equity Small/Mid-Cap) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 27.4% ซึ่งหุ้นขนาดกลางและเล็กมักปรับตัวได้สูงกว่าตลาดหุ้นโดยรวม จึงทำให้เฉลี่ยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา สามารถสร้งผลตอบแทนเฉลี่ยราว 7.2%
ส่วนกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large-Cap) แม้จะไม่ติด Top 10 แต่ผลตอบแทนก็พลิกฟื้นจากติดลบ 11.0% ในปี 2563 มาเป็นบวก 16.1% ส่งผลให้ภาพตลอด 10 ปี ล่าสุด สามารถสร้างผลตอบแทนที่ 6.3% ต่ำกว่ากลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็กไม่มากนัก
โดยกลุ่ม Aggressive Allocation ซึ่งเป็นกองทุนผสมที่เน้นลงทุนหุ้นไทย สามารถสร้างผลตอบแทนได้ราว 18.1% โดยกองทุน "TISCO Flexible Plus" ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดประมาณ 45%
ขณะที่กลุ่มกองทุนหุ้นอินเดีย แม้จะมีผลตอบแทนลดลงเล็กน้อยในไตรมาสสุดท้ายของปี เฉลี่ยติดลบ 2.3% แต่ภาพรวมทั้งปี แสดงให้เห็นว่าการระบาดของโควิด-19 ในอินเดียไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นมากนัก จากการที่อินเดียมีการเร่งฉีดวัคซีน รวมถึงอินเดียเองมีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือโครงสร้างประชากรที่มีผลต่อการเติบโต ทำให้กองทุนหุ้นอินเดียให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปี 2564 ที่ 26.2% โดยเฉพาะ "กองทุนบัวหลวงภารตะ" ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีที่สุดในกลุ่ม ถึง 44.2%
กระนั้น หากพิจารณาจากภาพระยะกลางถึงยาว ( 3-5 ปี ) จะพบว่า กองทุนหุ้นสหรัฐฯ ยังให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุด เฉพาะปีที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงระดับ 21.0% จากน้ำหนักในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มี performance ที่สูง รวมทั้งตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ได้มีการออกมาตรการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดจำนวนมหาศาล ทำให้กองทุนกลุ่มนี้มีผลตอบแทนสูงเป็นอันดับ 2 ในรอบ 3 ปี (เป็นรองจากกองทุนกลุ่มเทคโนโลยี) และอันดับ 1 ในรอบ 5 ปี กองทุน TISCO US Equity Unhedged เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในรอบปีที่ผ่านมาที่ 41.2%
สำหรับหุ้นไทยมีการปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับทั่วโลก ซึ่งเกิดจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ทำให้การลงทุนในหุ้นไทยโดยรวม underperform การลงทุนต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องก่อนการลงทุนทุกครั้ง เพื่อให้สามารถประเมินความเสี่ยงจากการลงทุนในแต่ละตลาดหรือสินทรัพย์ได้อย่างเหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้