NCL รุกธุรกิจใหม่ ขยายฐานรายได้เพิ่มจากขนส่งทางทะเลที่ยังสดใส สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

270 จำนวนผู้เข้าชม  | 

NCL รุกธุรกิจใหม่ ขยายฐานรายได้เพิ่มจากขนส่งทางทะเลที่ยังสดใส สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้อุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ทั้งสถานการณ์การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในการขนส่ง และพื้นที่บนเรือขนส่งที่ยังไม่คลี่คลาย ผลักดันให้ความต้องการขนส่งสินค้าปรับตัวในระดับสูง รวมถึงค่าระวางเรือที่ปรับตัวเป็นขาขึ้น ส่งผลให้ผลดำเนินงานหุ้นในกลุ่มขนส่งปรับตัวขึ้นยกแผง หนุนให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวสดใสตามมา

ล่าสุด นายพงษ์เทพ วิชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ (NCL) ได้ออกมาคาดหมายแนวโน้มผลดำเนินงานปีนี้ว่า น่าจะสดใสต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เพราะได้ปัจจัยหนุนทั้งจากอุปสงค์ (ความต้องการขนส่งที่ยังสูงต่อเนื่อง และพื้นที่บนเรือที่ยังมีข้อจำกัด) และอุปทาน (ค่าระวางเรือที่คาดว่าจะสร้างฐานราคาใหม่ในไตรมาส 2) ประกอบกับบริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจให้สอดรับกับให้การขยายตัวของอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเส้นทางขนส่งไปยังท่าเรือต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับลูกค้าขนส่งระหว่างประเทศ เพิ่มปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ หรือพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการชองลูกค้าได้มากขึ้น  

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีการต่อยอดธุรกิจโกดังสินค้าให้ครบวงจรมากขึ้น ด้วยการจัดตั้งศูนย์รวมสินค้า ที่ทำหน้าที่รับสินค้าจากลูกค้าเข้ามาจัดเก็บไว้ แล้วจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร (Fulfillment center) ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจากับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบจัดการสินค้าในโกดังเข้ามาช่วยต่อยอดธุรกิจ แต่คาดว่าจะมีบทสรุปในไตรมาสแรกนี้  

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังได้เข้าลงทุนในธุรกิจดิจิทัลรายหนึ่ง ที่เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน และเป็นบริษัทที่มีฐานรายได้สม่ำเสมอ เพื่อสร้างรายได้ประจำ เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับธุรกิจในระยะยาว โดยเงินที่ใช้ลงทุนจะนำมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯ ส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ของ NCL ปีนี้ จะยังคงมาจากธุรกิจให้บริการขนส่งทางทะเลเกิน 70% และคาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้จากธุรกิจใหม่ Fulfillment center อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนรายได้จากธุรกิจดิจิทัล ที่ถือเป็น Non-logistics น่าจะมีส่วนน้อย เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมขนส่งที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากอัตรากำไรต่อรายได้ที่ค่อนข้างสูงในธุรกิจดิจิทัล ทำให้คาดว่า สัดส่วนกำไรจาก Non logistics จะอยู่ที่ 20-25% ของกำไรทั้งหมด  




“ภาพธุรกิจของ NCL ต่อจากนี้จะออกจากกรอบเดิม โดยจะพัฒนารูปแบบการดำเนินงานและบริการรูปแบบใหม่ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และตรงจุดมากยิ่งขึ้น  เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ในทุกสภาวะ และทันกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมได้ตลอดเวลา” ผู้บริหาร NCL ให้ความมั่นใจกับผู้ถือหุ้น

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้