CIVIL เคาะราคา IPO 4.60 บาท ก่อนดีเดย์ซื้อขายวันแรก 27 ม.ค.นี้

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง (BLS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ของ บมจ.ซีวิล เอนจีเนียริง (CIVIL) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ร่วมกับ บล. กรุงไทย ซีมิโก้ (KTZ) พร้อมเปิดให้นักลงทุนสามารถจองซื้อหุ้น IPO จำนวน 200 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.60 บาท จากราคาพาร์ 1 บาท ได้ตั้งแต่วันที่ 19 - 21 มกราคมนี้ ก่อนเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคมนี้

ทั้งนี้ การตั้งราคาจองที่ 4.60 บาท พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) ที่นักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการซื้อเข้ามา ซึ่งเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท คิดเป็น P/E ประมาณ 16 เท่า และสอดรับกับจุดเด่นของบริษัทฯ ทั้งการมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่ยาวนาน จนหน่วยงานภาครัฐขึ้นทะเบียนให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นสูง มีโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้างเป็นของตนเอง และใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างโดดเด่น เพิ่มโอกาสเติบโตจากงานรับเหมาโครงการเมกะโปรเจคท์ภาครัฐ และขยายฐานลูกค้าภาคเอกชนควบคู่กันไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีธุรกิจวัสดุก่อสร้างประเภทต่างๆ เสริมความมั่นคงของรายได้ อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิ

โดยอัตรากำไรขั้นต้นของ CIVIL ในปี 2562 และ 2563 อยู่ที่ 14.60% และ 9.28% ตามลำดับ ส่วนงวด 9 เดือนแรกปีที่ผ่านมา มีอัตราการทำกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 11.08% สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของบริษัทในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่กำไรสุทธิ ปี 2562, 2563 และงวด 9 เดือนแรกปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 141 ล้านบาท 87 ล้านบาท และ 170 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 4.38%, 2.10% และ 4.56% ตามลำดับ

ล่าสุด บริษัทฯ มีมูลค่าสัญญางานโครงการก่อสร้างที่รอส่งมอบ (Backlog) รวมถึงโครงการที่เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด คิดถึงสิ้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ประมาณ 16,800 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ภายใน 3 ปี สะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และโอกาสเติบโตในอนาคต

สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุน บริษัทฯ จะนำเงินทุนไปใช้ในลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานรับเหมาก่อสร้างเพิ่มเติม ทั้งเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรม และเพิ่มความหลากหลายในการทำธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น ส่วนที่เหลือนำไปชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฐานะการเงิน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้การเติบโตมีความมั่นคงและยั่งยืน

ด้านนายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CIVIL กล่าวถึงความสำเร็จของบริษัทฯ ว่า เกิดจากการให้ความสำคัญกับ ESG เพื่อพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ทั้งบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา เครื่องจักรอุปกรณ์ และการเป็นเจ้าของโรงงานผลิตชิ้นส่วนวัสดุก่อสร้าง 11 แห่ง กระจายในจุดยุทธศาสตร์ของประเทศ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนโครงการได้ดี

ที่สำคัญ CIVIL มีนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทุกๆ ด้าน เช่น ใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศช่วยวางแผน ติดตามและวิเคราะห์ต้นทุนก่อสร้าง ตั้งแต่ต้นจนจบโครงการ พร้อมใช้เทคโนโลยีอุปกรณ์เครื่องจักรทันสมัยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการ ทำให้เกิด Economy of Speed ลดระยะเวลาและต้นทุนดำเนินโครงการ รวมถึงนำหลักบริหารจัดการสมัยใหม่ เน้นความคล่องตัว (Agility) และความยืดหยุ่น (Resilience) เพิ่มความสามารถบริหารงานก่อสร้างได้อย่างหลากหลาย ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการดำเนินงานโครงการที่ดีตามมา

เช่นเดียวกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคการผลิตของโรงงานชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป คอนกรีตผสมเสร็จ แอสฟัลท์ติกคอนกรีต คอนกรีตอัดแรงและราวเหล็กลูกฟูกกันรถและท่อระบายน้ำ ตลอดจนการได้รับการต่ออายุสัมปทานบัตรการทำเหมืองหินปูน เป็นวัตถุดิบหลักในงานก่อสร้างและผลิตปูนซีเมนต์ ทำให้ CIVIL มีความได้เปรียบเชิงบริหารต้นทุนโครงการก่อสร้างที่ดี และยังสร้างโอกาสเติบโตที่ดีจากการจำหน่ายชิ้นส่วนวัสดุก่อสร้างให้แก่คู่ค้าของบริษัทฯ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจให้บริการอสังหาริมทรัพย์ และให้เช่าเครื่องมือเครื่องจักร ช่วยสร้างรายได้ประจำให้มีความมั่นคง และยังช่วยให้พันธมิตรทางธุรกิจสามารถก้าวเติบโตไปด้วยกัน  สอดคล้องกับกระแส Sharing Economy ของโลกการค้ายุคใหม่