GLOBAL ลงทุนเพิ่มในอินโดนีเซีย ขยายฐานธุรกิจในอาเซียน เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน

651 จำนวนผู้เข้าชม  | 

GLOBAL ลงทุนเพิ่มในอินโดนีเซีย ขยายฐานธุรกิจในอาเซียน เพื่อความสำเร็จที่ยั่งยืน



เพื่อขยายช่องทางทำธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในภูมิภาคอาเซียน ล่าสุด บริษัท โกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (GBI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) และบริษัทย่อยของ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ในสัดส่วนฝ่ายละ 50% เท่ากัน ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัท Caturkarda Depo Bangunan Tbk (CKDB) ซึ่งเป็นผู้นำร้านค้าปลีกสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง เครื่องมือ อุปกรณ์ที่ใช้ในงานก่อสร้าง ต่อเติม ตกแต่งบ้านและสวน แบบครบวงจร ในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้แบรนด์ Depo Bangunan เพิ่มอีก 628.1469 ล้านหุ้น (คิดเป็นสัดส่วน 9.25% ของหุ้นทั้งหมด) ที่ราคาหุ้นละ 482 อินโดนีเซียรูเปียห์ หรือมีมูลค่าการลงทุน 303 พันล้านอินโดนีเซียรูเปียห์ หรือประมาณ 713 ล้านบาท ทำให้ GBI มีสัดส่วนการถือหุ้นใน CKDB 22%

การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน CKBD ครั้งนี้ ได้รับการขานรับจากนักวิเคราะห์หลายสำนักในเชิงบวก อย่างฝ่ายวิจัย ทิสโก้ (TSC) ชี้ว่า การลงทุนเพิ่มใน CKBD หลังจากเพิ่งลงทุนไปเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว คาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งกำไรให้ GLOBAL ได้ในระยะสั้นประมาณ 1% แต่จะมีผลบวกต่อการลงทุนระยะยาว เนื่องจากจะช่วยให้ GLOBAL มีเครือข่ายที่แข็งแกร่งทั่วทั้งภูมิภาค เพราะบริษัทฯ มีการลงทุนในกัมพูชา ลาว และเมียนมา อยู่แล้ว จึงแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเหมาะสมที่ 24.70 บาท

ส่วนฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ เคทีบี ประเทศไทย (KTBST) บอกว่า เมื่อใช้ข้อมูลจากงบการเงินย้อนหลัง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตาม Trailing 12-months) ที่ CKDB มีรายได้รวม 2.35 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 5.38 พันล้านบาท) และกำไรสุทธิที่ 1.16 แสนล้านรูเปียห์ (ประมาณ 266 ล้านบาท) จากสาขาทั้งหมด 9 แห่ง ครอบคลุมแบรนด์ทั้งหมด 1,500 แบรนด์ และจำนวนสินค้า 4.9 หมื่นรายการ จะพบว่า แม้กำไรสุทธิจากการลงทุนเพิ่มใน CKDB จะมีผลต่อกำไรรวมของ GLOBAL ปีนี้ เพียง 1-2% แต่เชื่อว่า GLOBAL จะเข้าไปมี บทบาทในการบริหารงานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายสาขาเพิ่มขึ้น และผลักดันให้ CKBD หันมาจำหน่ายสินค้า Housebrand  ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งจะส่งผลบวกชัดเจนในระยะยาว สอดรับกับการบริหารงานของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นความยั่งยืน (ESG) เป็นหลัก แต่ในระยะสั้น เนื่องจากราคาหุ้น GLOBAL ซื้อขายต่ำกว่าธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้ง HMPRO และ DOHOME จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้มูลค่าเหมาะสมไว้ที่ 28 บาท อิง PER ที่ 37.0 เท่า บนสมมติฐานกำไรสุทธิปีนี้ของ GLOBAL อยู่ที่ 3.49 พันล้านบาท  

อย่างไรก็ตาม การที่เงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะยืนระดับสูง จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการที่ราคาน้ำมันยังปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง หรือการที่ต้นทุนการผลิตปรับตัวขึ้นตามราคาวัตถุดิบ ค่าขนส่ง จากปัญหา Supply Disruption รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อน จีงทำให้มีความเป็นไปได้ว่า ธีมเงินเฟ้อจะกลับมาเป็นธีมลงทุนหลักในตลาดการเงินทั่วโลกอีกครั้ง ทำให้หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ หรือถูกกระทบจำกัดจากเงินเฟ้อ อย่างกลุ่มธนาคารพาณิชย์, กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี, กลุ่มอาหาร-สินค้าเกษตร, กลุ่มค้าส่งค้าปลีก, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และนิคมอุตสาหกรรม อย่าง KBANK, SCB, PTTEP, TOP, ORI, SPALI, CPALL, MAKRO, AMATA, WHA จะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การลงทุนหุ้น GLOBAL ต้องหวังผลระยะยาว

โดยตัวดัชนีชี้นำที่สำคัญ จะอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมกราคม ของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ หากออกมาสูงกว่าคาด ธีมเงินเฟ้อจะหวนกลับมาทันที

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้