คาดกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน ไตรมาส 4 ปีก่อน และไตรมาสแรกปีนี้ อ่อนแอ

ฝ่ายวิจัย บล. กสิกรไทย (KS) ออกโรงคาดหมายแนวโน้มผลดำเนินงานหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน ซึ่งจะทยอยประกาศช่วงวันที่ 17-25 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ สรุปได้ว่า กำไรไตรมาส 4 ปีทีแล้วมีแนวโน้มอ่อนแอ โดยประเมินกำไรรวมของหุ้นทั้ง 11 ตัวที่มีการศึกษาได้ที่ 4.6 พันล้านบาท ลดลง 20% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และ 28% เทียบไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) จากแรงกดดันหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น กำลังการผลิตโดยรวมที่หดตัวลง อัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ที่ปรับลดลง ต้นทุนค่าพลังงานที่เพิ่มขึ้น หรือผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น

พร้อมกันนั้น ยังประเมินแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มเติมด้วยว่า ส่วนใหญ่จะยังอ่อนตัวต่อเนื่อง ทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ไม่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาสนับสนุน แต่หากตัดรายการพิเศษนี้ออกไป กำไรปกติคาดเติบโต YoY และ QoQ ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ราว 7% YoY และ 1% QoQ เป็น 4,208 เมกะวัตต์ (MW) และการปรับขึ้นค่า Ft เป็น 0.014 บาท/หน่วย จากที่ติดลบ 0.153 บาท/หน่วย ในไตรมาส 4 ปีก่อน หนุนให้ราคาขายเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าภายใต้ระบบ adder เพิ่มขึ้น

สำหรับปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจที่เป็นความหวังของหุ้นกลุ่มนี้ อย่างการประกาศแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ ที่จะมีผลตั้งแต่ปี 2564-2573 ซึ่งจะมีการปรับเพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนเป็นมากกว่า 50% จาก 40% ในปัจจุบัน  คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2 ทำให้ไม่น่ามี catalyst ใหม่ๆ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในครึ่ีงปีแรก

ดังนั้น KS จึงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน แค่ "เป็นกลาง (Neutral)" แต่ยกให้ BCPG เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากราคาหุ้นที่ยัง laggard และแผนลงทุนโรงไฟฟ้าที่สามารถเพิ่มการเติบโตของกำไรได้ในระยะยาว