WFX มั่นใจ กำไรปีนี้ทุบ All Time High ที่ทำได้ในปีก่อน เหตุกำลังการผลิตเพิ่ม รองรับการเติบโตอุปสงค์ได้

บมจ. เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4 ปีที่แล้ว มีกำไรสุทธิ 170.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,481.16% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ตามรายได้ที่ปรับสูงขึ้น 71.25% เป็น 1,187.06 ล้านบาท ช่วยขับเคลื่อนให้ผลดำเนินงานรวมทั้งปีทำสถิติสูงสุดตลอดกาล (All Time High) ใหม่ ทั้งในแง่รายได้และกำไร โดยรายได้รวมอยู่ที่ 3,776.58 ล้านบาท (+56.79% YoY) ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 359.10 ล้านบาท (+521.17% YoY)

ซึ่งนายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ WFX อธิบายสาเหตุที่ทำให้ยอดขายเติบโต ว่า เกิดจาก 2 ปัจจัย ประการแรก ราคาขายเส้นด้ายยางยืดเพิ่มขึ้นตามต้นทุนน้ำยางข้นในตลาดโลกที่ปรับขึ้น ประการที่สอง การขยายกำลังการผลิต ส่งผลให้สามารถผลิตเส้นด้ายยางยืดที่มีความหลากหลาย ทั้งในด้านขนาดและคุณภาพที่แตกต่างกันไป สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมทั้งลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะแถบอเมริกาใต้ และยุโรป ที่มีความต้องการสินค้าสูง อีกทั้งบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้ากลุ่มผู้ใช้โดยตรง (End Users) เพิ่มขึ้น หนุนให้อัตรากำไรปรับสูงขึ้นตามมาด้วย 

โอกาสนี้ บริษัทฯ พร้อมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.245 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันศุกร์ที่ 11 มีนาคมนี้ โดยกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 5 พฤษภาคมต่อไป   

สำหรับแผนดำเนินธุรกิจปีนี้ กรรมการผู้จัดการ WFX บอกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น 20-30% โดยมีความเป็นไปได้สูงว่า การขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดในเฟสแรก จะทำได้เร็วกว่าแผนที่วางไว้ ขณะที่เฟสที่สองน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในปลายปีนี้  สามารถรองรับคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้ เริ่มคลายตัว ผลักดันให้ความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม กลับมาเติบโต หลังจากชะลอตัวลงตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ความต้องการยางยืดเคลือบแป้ง และเคลือบซิลิโคน ในอุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ยังมีสูงต่อเนื่อง หนุนให้รายได้และกำไรปีนี้น่าจะสร้างสถิติใหม่ได้ต่อจากปีที่ผ่านมา และช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาวตามมา