592 จำนวนผู้เข้าชม |
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. (PTT) เปิดเผยแผนงานและงบลงทุน 5 ปี (2565-2569) ของกลุ่มบริษัทว่า ตั้งงบลงุนไว้กว่า 9.4 แสนล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนองค์กรตามกรอบวิสัยทัศน์ “Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต”
ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ด้าน Future Energy จะมุ่งสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ไฟฟ้า โดยมี บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เป็นแกนหลักรุกธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนต่างประเทศ ด้วยเป้าหมาย 12 กิกะวัตต์ ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) ส่วนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร (EV Value Chain) จะดำเนินการผ่าน บริษัท ฮอริษอน พลัส จำกัด (HORIZON PLUS) บริษัทร่วมทุนระหว่าง ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) และบริษัทย่อย อรุณ พลัส จำกัด (ARUN PLUS) รุกธุรกิจยาน) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายตลาดและสร้างฐานการผลิต EV ในไทย ขณะเดียวกัน บริษัท อรุณ พลัส จำกัด ยังมีบทบาทในการจำหน่ายและติดตั้งเครื่องอัดประจุไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ ออน-ไอออน (on-ion) ในทำเลศักยภาพ พร้อมขยายสถานีสลับแบตเตอรี่สำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบบไม่ต้องรอชาร์จ ของ Swap & Go
นอกจากนั้น PTT ยังมีการจัดตั้งบริษัท นูออโว พลัส จำกัด (NUOVO PLUS) เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนด้านแบตเตอรี่ของกลุ่ม โดยร่วมทุนกับ GPSC ในการสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในห่วงโซ่ธุรกิจแบตเตอรี่ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Battery Value Chain) รวมถึงจัดตั้ง บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EVME PLUS) เพื่อให้บริการด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ส่งเสริม และสร้างระบบนิเวศธุรกิจให้เกิดการใช้ EV อย่างแพร่หลายในประเทศ อาทิ บริการให้เช่า EV บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานีอัดประจุไฟฟ้าและสถานีซ่อมบำรุง EV ตลอดจนจัดตั้ง บริษัท รีแอค จำกัด (ReAcc) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรองรับการซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน ช่วยสนับสนุนให้เกิดการผลิตและการใช้งานพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นในประเทศ
สำหรับวิสัยทัศน์ Beyond จะเดินหน้ารุกธุรกิจใหม่ มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย และเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงตามทิศทางโลก ด้วยการเข้าสู่ธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) โดยมี บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อส่งเสริมสาธารณสุขคนไทยให้มั่นคง ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา อินโนบิก ได้ร่วมนำเข้าและบริจาคยาเรมเดซิเวียร์ 12,000 ขวด และยาฟาวิพิราเวียร์ 1.2 ล้านเม็ด ให้กับประเทศเพื่อดูแลประชาชน
นอกจากนี้ กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Business) ต่อยอดจากธุรกิจปิโตรเคมี ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง เสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจน้ำมันและเสริมสร้างธุรกิจไลฟ์สไตล์ ตลอดจนการเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน (Logistics & Infrastructure) ระบบปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีดิจิทัล (AI, Robotics & Digitalization)
กลุ่ม ปตท. ยังมุ่งมั่นยกขีดความสามารถในการแข่งขันธุรกิจปัจจุบัน และมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อผลตอบแทนที่ดีกลับคืนสู่ประเทศ ฟื้นคืนลมหายใจเศรษฐกิจ ตลอดจนให้การสนับสนุนภาครัฐช่วยลดต้นทุนทางพลังงานให้ประชาชน รวมถึงดำเนินกิจการเพื่อสังคมต่อเนื่อง