630 จำนวนผู้เข้าชม |
นายคณาวุฒิ วรรทนธีรัช ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) ชี้แจงสาเหตุที่ผลดำเนินงานปีที่ผ่านมาของบริษัทฯ พลิกจากขาดทุนในปีก่อนหน้านั้น 48.85 ล้านบาท มาเป็นกำไร 55.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 214% ว่า เกิดจากความสำเร็จของการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ มามุ่งเน้นการเป็น Tech Company ช่วยต่อยอดธุรกิจ Call Center และ Contact Center ซึ่งมีความแข็งแกร่งอยู่แล้วให้เกิด New S Curve ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
สำหรับแผนดำเนินงานปีนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่อย่างน้อย 2 ตัว เพื่อเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ ประเดิมด้วย Platform E-Sport ที่เป็นตลาดใหญ่ ดูได้จากจำนวนผู้เล่นเกมทั่วโลกมีสูงกว่า 2.7 พันล้านคน เฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ก็มีอย่างน้อย 400 ล้านคน
ซึ่งล่าสุด บริษัทย่อย "อินโนฮับ" ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อร่วมลงทุนกับบริษัท "ฟิจิตอล สเปซ ดีเวลลอปเม้นท์" ซึ่งประกอบธุรกิจเกมและอีสปอร์ต ผ่าน Platform HUBBER ในสัดส่วน 49% คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 100 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 3-4 ปี เพราะการรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้ จะมาจากค่าสมาชิก ค่าโฆษณา Sponsorship และส่วนแบ่งจากการบริหารจัดการงานแข่งขัน และเงินรางวัลจากการแข่งขัน ไม่นับรวมผลประโยชน์ที่อาจเกิดในอนาคต จากเหรียญ HUBCOIN จำนวน 10.67 ล้านเหรียญ ที่ได้มาจากการร่วมลงทุนครั้งนี้
ถัดจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัว Platform ทางการแพทย์ ด้วยการให้คำปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ (Tele Pharmacy) เจาะกลุ่มเภสัชกรที่ไม่ต้องการลงทุนเปิดร้านขายยาเอง ซึ่งบริษัทฯ จะมีรายได้จากค่าบริการช่วยต่อยอดธุรกิจ Call Center และ Contact Center ที่เป็นจุดแข็งของบริษัทฯ
ผู้บริหารรายนี้ ได้ให้ความมั่นใจต่อผู้ถือหุ้นเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากบริษัทฯ ปรับโมเดลธุรกิจเต็มรูปแบบ จะทำให้ผลดำเนินงานใน 3 ปีนี้ เติบโตก้าวกระโดด โดยแหล่งที่มาของรายได้จะมาจากทั้งธุรกิจเดิมคือ Call Center และ Contact Center ที่กลับมาฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มหวนกลับมาใช้บริการ หนุนด้วยธุรกิจใหม่ที่เป็น New S Curve ต่อยอดรายได้ ผ่านการขยายการลงทุนแพลตฟอร์ม Blockchain Technology แพลตฟอร์ม E-sport และแพลตฟอร์ม Tele Medicine ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์ สอดคล้องพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน
เฉพาะปีนี้ OTO ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเกิน 20% และพร้อมขยายการลงทุนใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ รองรับแผนการเติบโตในอนาคต เพราะยังมีเงินสดในมือกว่า 500 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) ก็อยู่ที่ 0.11 เท่า ทำให้ยังมีศักยภาพในการระดมทุนเพิ่มเติมได้