517 จำนวนผู้เข้าชม |
นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) บอกว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ขยายไลน์ธุรกิจเพิ่มเติมจากอสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู๋เดิม มาสู่ธุรกิจ Fin-Tech และธุรกิจกัญชง-กัญชา เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ล่าสุด ธุรกิจกัญชง-กัญชา ซึ่งบริษัทฯ ทำแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ คาดว่าจะรับรู้รายได้ทันทีในไตรมาสแรกนี้ เพราะธุรกิจต้นน้ำ ที่ลงทุนผ่านบริษัทย่อย คือ อัลฟ่า ไบโอเทค ที่ดำเนินการร่วมกับ บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี ประเทศไทย (JP) ในฐานะผู้รับจ้างผลิต ได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อผลิตสารสกัด และเคมีภัณฑ์ ได้รับใบอนุญาตผลิตสารกลุ่ม Cannabidiol หรือ CBD จากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้พร้อมจะผลิตสารสกัดส่งมอบลูกค้ากลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร รวมถึงยาแผนปัจจุบัน ที่ได้ส่งคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่า จะทยอยส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าได้ภายในเดือนนี้แล้ว
นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ มีพันธมิตรเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีความเชี่ยวชาญในการปลูกกัญชง-กัญชาต้นน้ำ อย่าง บมจ.ซันสวีท (SUN) บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ กรุ๊ป (TRUBB) รวมถึงการทำบันทึกความเข้าใจกับวิสาหกิจชุมชุนหลายแห่งในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังทำให้มีวัตถุดิบป้อนโรงงานได้อย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีของบริษัท เอ็ม เจ บี (MJB) สามารถป้อนวัตถุดิบให้กับบริษัทฯ ได้ประมาณ 1 ตันทันที
ดังนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจกัญชง-กัญชา บริษัทฯ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตอีก 100 เท่า โดยใช้เงินทุนที่ได้จากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ ราว 600 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยให้สามารถผลิตสารสกัดได้เพิ่มเดือนละ 30 ตัน ซึ่งคาดว่า จะพร้อมเดินเครื่องผลิตได้ในไตรมาส 3 ทำให้คาดว่าปีนี้ทั้งปี ALPHAX จะมีรายได้จากธุรกิจกัญชง-กัญชา ประมาณ 450 ล้านบาท ช่วยผลักดันผลดำเนินงานให้เติบโตก้าวกระโดด