KCC เตรียมขายหุ้น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ไตรมาสสองนี้

นายธวัชชัย วรวรรณธนะชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ที่บริษัทฯ ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรกต่อประชาชน (IPO) จำนวน 160 ล้านหุ้น (คิดเป็น  25.81% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ ที่ราคาพาร์ หุ้นละ 0.50 บาท) แล้ว เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในไตรมาสสองนี้  

นายธวัชชัย บอกว่า ธุรกิจของ KCC มีโอกาสขยายตัวได้ดีตามภาพรวมของธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (AMC) เพราะรายได้และกำไรมีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยผลดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่ปี 2562 - 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 57.10 ล้านบาท, 128.10 ล้านบาท และ 125.75 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 12.03 ล้านบาท, 49.06 ล้านบาท และ 52.42 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่ผู้ถือหุ้น และทีมผู้บริหาร ทั้งนายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี และนายทวี กุลเลิศประเสริฐ มีประสบการณ์ในธุรกิจบริหารหนี้และธุรกิจการเงินมากว่า 20 ปี ตั้งแต่มีการเปิดประมูลขายสินทรัพย์ของ ปรส. ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง รวมถึงเป็นที่ปรึกษาในการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับบริษัทต่างๆ ที่ประสบปัญหาทางการเงินในแต่ละช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ซึ่งประสบการณ์ของผู้บริหาร เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 25 มีนาคม กลุ่มบุญบรรเจิดศรี ซึ่งประกอบด้วย นายสุชาติ บุญบรรเจิดศรี กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ กับนายโคบี้ บุญบรรเจิดศรี (บุตรชายนายสุชาติ) ถือหุ้นรวมกัน 321.99 ล้านหุ้น หรือ 70% ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว ที่เหลืออีก 30% หรือ 138 ล้านหุ้น เป็นของนายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฯ แต่หลังจากการเสนอขายหุ้น IPO สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มบุญบรรเจิดศรี จะลดลงเหลือ 51.94 % ขณะที่นายทวี อยู่ที่ 22.26 % 

ด้านนายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจว่า มีโอกาสขยายตัวและเติบโตสูง ในช่วง 2-3 ปีนี้ จากผลกระทบขอสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย - ยูเครน กดดันให้เศรษฐกิจชะลอตัวนาน ส่งผลให้คุณภาพสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินมีโอกาสด้อยค่ามากขึ้น จนเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) มากขึ้น โดยหากดูจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุด จะพบว่า NPLs ทั้งระบบมีกว่า 5 แสนล้านบาท จึงทำให้สถาบันการเงินต่างๆ พร้อมนำ NPLs ออกมาประมูลขายอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 2-3 ปีนี้ เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจบริหารและจัดการหนี้

สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินไปใช้ในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย รวมถึงนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน หรือชำระหุ้นกู้ที่ถึงกำหนด เป็นหลัก ที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทและเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต

ขณะที่พอร์ตหนี้ NPLs ของ KKC ล่าสุด คิดถึงสิ้นปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 565.57 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ 60.22% และลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย 39.78% ของเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับสุทธิ