BAY กำไรสุทธิไตรมาสแรก 7.42 พันล้านบาท ขยายตัว 16.2% ตามการเติบโตของสินเชื่อ

บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 7,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.2% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ตามการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น สะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่งขึ้น และหากเทียบกับไตรมาสแรกปีก่อน (YoY) กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 913 ล้านบาท หรือ 14.0% ตามการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงาน และคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่สินเชื่อรวมเติบโตได้ 2.0% จากความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ที่เติบโตถึง 3.9% และ 4.0% ตามลำดับ สะท้อนความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น กอปรกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.28% เทียบกับ 3.41% QoQ โดยตัวชี้วัดด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่งจากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ในระดับต่ำเพียง 2.03% ขณะที่อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ยังอยู่ในระดับสูงสุดที่เคยบันทึกที่ 191.6%

ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ลดลง 502 ล้านบาท หรือ 5.7% QoQ ตามการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ จากกิจกรรมทางธุรกิจของลูกค้าตามฤดูกาลในไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.28% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ BAY ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทย จากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมีนาคม มีสินเชื่อรวม 1.93 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.83 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.61 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 291.34 พันล้านบาท เทียบเท่า 18.25% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 คิดเป็น 13.32%