หุ้นน้องใหม่ KCC และ BIS ให้กำไรผู้ถือหุ้นจองเกิน 40% แต่ KKC โดดเด่นกว่า จากการเป็นธุรกิจบริหารหนี้เสีย

970 จำนวนผู้เข้าชม  | 

หุ้นน้องใหม่ KCC และ BIS ให้กำไรผู้ถือหุ้นจองเกิน 40% แต่ KKC โดดเด่นกว่า จากการเป็นธุรกิจบริหารหนี้เสีย

การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บมจ.ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ (BIS) และ บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองตลอดวัน 

โดย BIS หลังจากเปิดตลาดกระโดดไปที่ 11 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 6.00 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 83.3% มีแรงซื้อหนุนราคาขึ้นไปได้อีกเล็กน้อย โดยแตะจุดสูงสุดที่  11.30 บาท ก็โดนขายทำกำไรออกมาเป็นระยะๆ กดราคาหุ้นให้ปรับลงเป็นลำดับ แต่ก็ไม่หลุด 9.45 บาท และปิดตลาดภาคเช้าที่  9.65 บาท ก่อนโดนขายอย่างต่อเนื่องในการซื้อขายภาคบ่าย เมื่อบรรยากาศการลงทุนไม่เป็นใจ ฉุดให้ราคาหุ้นอ่อนลงมาแตะจุดต่ำสุดในรอบวันที่ 8.05 บาท อย่างไรก็ตาม ก่อนตลาดจะปิด เริ่มมีแรงซื้อไล่ราคาหุ้นให้ปรับขึ้นมาปิดที่ 8.90 บาท สูงกว่าราคาจอง 2.90 บาท ให้ผลตอบแทน 46.3%  

ไม่ว่าราคาหุ้นจะเป็นเช่นไร แต่นายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BIS ยังคงยืนยันภาพธุรกิจปีนี้ว่า บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันรายได้ปีนี้ให้เติบโตจากปีก่อนในระดับ 15-20% หรือกลับไปช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยอาศัยความเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายวัคซีน ยา เวชภัณฑ์ จากผู้จำหน่ายระดับโลก อีกทั้งเป็นเจ้าของแบรนด์เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์หลายแบรนด์ ที่มีโรงงานผลิตสินค้าได้มาตรฐานสากลเป็นของตนเอง และมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่กระจายทั่วประเทศ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้าผลิตสินค้านวัตกรรมด้านสุขอนามัยของโลก อย่างการพัฒนาชุดตรวจโควิด-19 แบบ Real Time PCR (RT PCR) ที่ได้ใบอนุญาตจากองค์กรอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (อย.) เป็นรายแรกของประเทศ หรือการพัฒนาชุดตรวจ ASF ในสุกร ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้มียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ช่วยขับเคลื่อนรายได้ และกำไรอย่างต่อเนื่อง

ส่วน KCC หลังจากเปิดตลาดที่ 6.20 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 3.70 บาท คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 67% มีแรงซื้อหนุนราคาขึ้นไปเรื่อยๆ และทำจุดสูงสุดภาคเช้าที่  8.30 บาท ก่อนถูกขายทำกำไรออกมาบ้าง ส่งผลให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมาปิดภาคเช้าที่ 7.90 บาท กระนั้น เมื่อเปิดตลาดภาคบ่าย กลับมีแรงซื้อโถมเข้ามา ดันราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ กระทั่งปิดทำจุดสูงสุดในรอบวันที่ 9.20 บาท ปรับตัวสูงกว่าราคาจอง 5.50 บาท ให้ผลตอบแทนมากถึง 148.6%  

ซึ่งการที่ราคาหุ้น KKC ปรับสวนทาง BIS เกิดจาก KKC ทำธุรกิจบริหารหนี้เสีย (AMC) ซึ่งภาพรวมธุรกิจมีความโดดเด่นกว่า จากการที่ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ยังอ่อนแอตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัว ผลักดันให้สถาบันการเงินพร้อมขายหนี้เสียเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ สามารถนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนซื้อหนี้เสีย โดยปีนี้ ผู้บริหารบริษัทฯ ตั้งงบลงทุนซื้อหนี้ราว 8-900 ล้านบาท ซึ่งจะหนุนให้พอร์ตหนี้เพิ่มทะลุ 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนเกือบเท่าตัว สร้างการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ การเป็นบริษัทจดทะเบียน ยังช่วยให้ KKC สามารถจัดหาแหล่งเงินทุนได้หลากหลายขึ้น ช่วยให้โอกาสการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทฯ เปิดกว้างมากขึ้นในระยะยาว

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้