โบรกเกอร์ รับ ผลดำเนินงานไตรมาส 2 ของ SNNP น่าจะทำสถิติสูงสุดรายไตรมาส ก่อนโชว์ All time High สำหรับงบรวมทั้งปี

หลังจาก บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ประกาศผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ สรุปได้ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และมีกำไรปกติอยู่ที่ 113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.3% YoY แต่เนื่องจากในไตรมาสแรกปีที่แล้ว บริษัทฯ มีกำไรพิเศษ 60 ล้านบาท จึงทำให้กำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน กลับปรับลดลง 40.8% อยู่ที่ 105.4 ล้านบาท   

โอกาสนี้ นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP ชี้แจงสาเหตุที่ทำให้รายได้และกำไรปกติในไตรมาสแรกเติบโตจากไตรมาสแรกปีที่แล้ว ว่า เกิดจากการที่ยอดขายทั้งในและต่างประเทศเติบโต ขณะที่บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดี ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็น 27.4% เทียบกับ 26.3% ในไตรมาสสี่ปีที่แล้ว (QoQ) ท่ามกลางภาวะที่ราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นตลอดครึ่งหลังของปีที่แล้วก็ตาม

ทั้งนี้ การเติบโตของยอดขายในประเทศ มาจากช่องทางโมเดิร์นเทรด และการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งเจเล่ชิววี่ น้ำกัญชาสกัดเมจิกฟาร์ม ขนมรูปน่องไก่โลตัสผสมใบกัญชา และขนมรูปน่องไก่โลตัสผสมเมล็ดกัญชง รวมถึงโลตัสหนังไก่ทอด ได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภค ขณะที่ตลาดต่างประเทศก็ฟื้นตัวในทุกประเทศ ทำให้ยอดขายเติบโต 26.6% YoY ส่งผลให้ ภาพรวมผลดำเนินงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ  

สำหรับแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 2 คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาดในประเทศ ประกอบกับบริษัทฯ เตรียมปรับโฉมสินค้าแบรนด์หลัก เพื่อสร้างกระแสครั้งใหญ่เร็วๆ นี้ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ น่าจะเติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกไตรมาส รับอานิสงค์จากแผนขยายช่องทางจำหน่าย และสร้างฐานธุรกิจที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดเวียดนาม และกัมพูชา ส่งผลให้บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่า ยอดขายรวมปีนี้ทั้งปีน่าจะแตะระดับ 5,000 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ตามแผนที่วางเอาไว้

และเพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง SNNP เตรียมตั้งโรงงานแห่งใหม่ในอินโดนีเซีย ผลิตสินค้าจำหน่ายในตลาดอินโดนีเซีย โดยตั้งเป้าเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างช้าที่สุดภายในครึ่งแรกปีหน้า และเร็วที่สุดภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้   

การให้ข้อมูลข้างต้น ถูกตีความนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากหยวนต้า (YUANTA) ว่า แม้ผลดำเนินงานไตรมาสแรกจะออกมาใกล้เคียงกับที่คาดหมายไว้ แต่การที่ยอดขายในประเทศไตรมาสแรกเติบโตสูงกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วเป็นครั้งแรก ทำให้มีมุมมองบวกต่อ SNNP มากขึ้น และเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะเห็นกำไรไตรมาส 2 ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาสได้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ยอดขายสินค้าในประเทศ ช่วง 40 วันแรกของไตรมาส 2 นี้ เติบโตดี ทั้ง QoQ และ YoY ในทุกกลุ่มสินค้า จากผลของฤดูกาล และการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งเกิดจากยอดขายในภูมิภาคอินโดจีน (CLMV) ฟื้นตัว QoQ ค่อนข้างแรงเช่นกัน ขานรับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น น่าจะทรงตัวที่ 27% ขึ้นไปได้ แม้ว่าต้นทุนการผลิต อาจสูงขึ้น ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดวัตถุดิบในการทำบรรจุภัณฑ์ และลดขนาดสินค้าในราคาเท่าเดิม

ด้านนักวิเคราะห์จากเคทีบี ประเทศไทย (KTBST) บอกว่า น่าจะเห็นผลดำเนินงานของ SNNP ขยายตัวทั้ง  QoQ และ YoY ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป จากยอดขายในประเทศที่เติบโตต่อเนื่อง และยอดขายต่างประเทศที่ฟื้นตัว หลังปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเริ่มคลี่คลาย และกำลังซื้อฟื้นตัว ช่วยผลักดันให้ยอดขายรวมทั้งปีขยายตัว 14% YoY ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มขยายตัว จาก utilization rate ที่ฟื้นตัว และการออกสินค้าใหม่ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น ทยอยเปิดตัวในไตรมาส 4 SKUs และในครึ่งปีหลังอีก 13 SKUs นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงเต็มปี ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ระบบการจัดจำหน่าย (Distribution) สิริโปร น่าจะเริ่มเห็นจุดคุ้มทุนตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป 

ทั้ง 2 ค่าย ประเมินรายได้ปีนี้ของ SNNP ที่ 5.0-5.1 พันล้านบาท ใกล้เคียงกัน ส่วนกำไรปีนี้ YUANTA คาดไว้ 530 ล้านบาท (ขยายตัว 58.7% YoY) ขณะที่ KTBST ให้ที่ 501 ล้านบาท (ขยายตัว 63.0% YoY) คิดเป็นราคาเหมาะสมที่ 18.10 บาท (อิง PER 29.3 เท่า) และ 20.00 บาท (อิง PER 31.0 เท่า)