GULF โชว์ผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ ด้วยกำไร New High หนุนโดยโรงไฟฟ้า IPP และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH

1847 จำนวนผู้เข้าชม  | 

GULF โชว์ผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ ด้วยกำไร New High หนุนโดยโรงไฟฟ้า IPP และส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH


บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) รายงานผลดำเนินงานไตรมาสแรก มีรายได้รวม (Total Revenue) 22,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) และกำไรสุทธิ (Net Profit) อยู่ที่ 3,257 ล้านบาท และ 3,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% YoY และ 108% YoY ตามลำดับ 

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผลดำเนินงานไตรมาสแรกเติบโตโดดเด่น ได้รับการอธิบายจากนางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF ว่า มีปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 และหน่วยที่ 2 กำลังการผลิตรวม 1,325 เมกะวัตต์ (MW) ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีก่อน ประกอบกับรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SPP 12 โรง ภายใต้กลุ่ม GMP ที่ได้แรงหนุน ทั้งด้านราคาขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามราคาก๊าซธรรมชาติ และยอดขายไฟฟ้า กับไอน้ำให้ กฟผ. และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และบรรจุภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 34.7 MW

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 465 MW ที่เยอรมนี จากความเร็วลมเฉลี่ยที่ดีขึ้น จาก 9.8 เมตร/วินาที ในไตรมาสแรกปีก่อน เพิ่มเป็น 11.0 เมตร/วินาที แม้ว่า Capacity Factor เฉลี่ยในไตรมาสนี้ จะลดลง เหลือ 39% เมื่อเทียบกับ 41% ในไตรมาสแรกปีก่อน จากการถูกจำกัดยอดรับซื้อไฟฟ้า (curtailment) โดยรัฐบาลเยอรมนีก็ตาม ทว่า ก็ได้รับรายได้ชดเชยสำหรับยอดจำหน่ายไฟฟ้าที่ถูกจำกัด เสมือนไม่ได้ถูกมี curtailment จึงไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้แต่อย่างใด นอกจากนี้ GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH เข้ามาอีกราว 1,100 ล้านบาท

ส่วนกำไรขั้นต้นจากยอดขายในไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ 4,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% YoY อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย (Gross Profit Margin) ในไตรมาสนี้ กลับปรับลดลงจาก 33.1% ในไตรมาสแรกปีก่อน เหลือ 22.1% เนื่องจาก 3 สาเหตุ ประการแรก สัดส่วนกำไรขั้นต้นของโครงการโรงไฟฟ้า IPP เพิ่มขึ้น (ปกติ อัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า IPP จะต่ำกว่าโรงไฟฟ้าพลังงานลม BKR2 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยลดลงตามสัดส่วนของกำไรขั้นต้นในโครงการโรงไฟฟ้า IPP ที่เพิ่มขึ้น) ประกอบกับในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จาก 220.17 บาท/ล้านบีทียู ในไตรมาสแรกปีก่อน เป็น 441.56 บาท/ล้านบีทียู  

อย่างไรก็ดี เนื่องจาก GULF มีสัดส่วนการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. ถึง 87% ซึ่งต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติจะถูกส่งผ่าน (pass through) ในรูปของรายได้ค่าไฟฟ้าไปยัง กฟผ. ขณะที่สัดส่วนการขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมมีแค่ 13% จึงได้รับผลกระทบจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างจำกัด 
 
ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) สิ้นไตรมาสแรก อยู่ที่ 1.79 เท่า เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนที่ระดับ 1.77 เท่าเพียงเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นผลจากการที่บริษัทฯ มีการเบิกเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า GPD ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 2,650 MW แต่ได้มีการชำระคืนเงินกู้บางส่วนตามมา หลังจากบริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้วงเงินรวม 24,000 ล้านบาท ช่วงเดือนกุมภาพันธ์


ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF ยังกล่าวถึงแผนธุรกิจในปีนี้ ด้วยว่า จะให้ความสำคัญกับ Decarbonization และ Digitalization เต็มตัวมากขึ้น

โดยแผนงานด้าน Decarbonization จะเน้นการลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Pak Lay และโครงการ Pak Beng ได้เข้าไปเซ็น Tariff MOU กับ กฟผ. แล้วในเดือนมกราคมและเมษายนที่ ผ่านมา คาดว่า จะสามารถลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ได้ภายในไตรมาส 2  

สำหรับแผนงานด้าน Digitalization ปัจจุบัน GULF ได้ขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) และ Blockchain Technology เพิ่มขึ้น ประเดิมช่วงต้นปี ด้วยการจับมือกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส (ADVANC) และ Singtel ของสิงคโปร์ ร่วมกันพัฒนาธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดหาที่ตั้ง Data Center คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีนี้

และในเดือนเมษายน Gulf Innova ได้มีการลงนามสัญญาผู้ถือหุ้นกับ Binance เพื่อร่วมกันลงทุนธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ล่าสุด กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการขอใบอนุญาตต่างๆ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  

พร้อมกันนั้น GULF ยังได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ (Binance US) และสกุลเงินดิจิทัล BNB ซึ่งถือเป็นการเข้าไปมีส่วนร่วมใน Ecosystem ของ Binance ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Blockchain Infrastructure ระดับโลก เพราะบริษัทฯ เล็งเห็นว่า cryptocurrency และ tokens เป็นทางเลือกหนึ่งในการระดมทุนในอนาคต และเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมากในประเทศไทย

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้