ORI ประเดิมไตรมาสแรก มีกำไร 738 ล้านบาท ส่งผลกลุ่มทุนต่างชาติตบเท้าร่วมทุนพัฒนาโครงการเพิ่ม 5 โครงการ

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI)  เปิดเผยผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,776 ล้านบาท มาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรที่ ไม่ได้อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้า (Non-JV) กว่า 3,041 ล้านบาท ที่เหลือมาจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจอื่น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ธุรกิจบริการ รายได้พิเศษจากกิจการร่วมทุน หรือรายได้จากการบริ หารโครงการร่วมทุนที่มีการรับรู้ รายได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 738 ล้านบาท  

สำหรับโครงการที่มีส่วนสำคัญต่ อการสร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์ ในไตรมาสแรก ประกอบด้วย โครงการที่เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ เป็นครั้งแรก อย่ างโครงการคอนโดมิเนียม ดิ ออริจิ้น ราม 209 อินเตอร์เชนจ์ (The Origin Ram 209 Interchange) โครงการที่ทยอยโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพฯ และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างพาร์ค ออริจิ้น พญาไท (Park Origin Phayathai) นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง (Notting Hill Rayong) ในโครงการออริจิ้น สมาร์ท ซิตี้ ระยอง ขณะเดียวกัน ยอดขายในไตรมาสแรก ที่ทำได้ 8,149 ล้านบาท ยังมีอัตราการเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ราว 6% และเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ถึง 11% ช่วยผลักดันยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการพร้อมอยู่ตามมาด้วย 

ผลดำเนินงานที่ยังคงรักษาเสถียรภาพได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กลุ่มทุนทั้งไทยและต่างชาติให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการร่วมทุน (Joint Venture Project) กับบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกที่ผ่านไป มีโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นถึง 5 โครงการ โดยมีถึง 4 โครงการที่ได้รับความไว้วางใจจากบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คือ โซ ออริจิ้น พหลโยธิน 69 (So Origin Phaholyothin 69) และออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ศรีนครินทร์ (Origin Plug & Play Srinakarin) และโครงการบ้านจัดสรร 2 โครงการ คือ โครงการบริทาเนีย ทาวน์ บางนา กม.17 (Britania Town Bangna KM.17) และบริทาเนีย โฮม บางนา กม.17 (Britania Home Bangna KM.17) ส่วนโครงการที่เหลือ เป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรใหม่ คือ บริษัท โลฟิส (ไทยแลนด์) จำกัด พัฒนาโครงการแกรนด์บริทาเนีย คูคต สเตชั่น ถือเป็นก้าวแรกของ บมจ. บริทาเนี ย (BRI) ในการร่วมทุนพัฒนาโครงการกับพาร์ทเนอร์ชั้นนำ  

สำหรับไตรมาส 2 นี้ โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor) ที่มีมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท จะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์เป็นครั้งแรก โดยปัจจุบันโครงการดังกล่าวมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) แล้วกว่า 70% ของมูลค่าโครงการ ซึ่งน่าจะมีส่วนสำคัญต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์และรายได้ ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป หนุนให้ Backlog รวมของบริษัทฯ ทั้งกลุ่มโครงการ JV และ Non-JV มีมูลค่ารวมกว่า 35,800 ล้านบาท สามารถต่อยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้ตลอด 3 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้ให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

ขณะเดียวกัน ธุรกิจอื่นๆ ในเครือ ORI ยังคงเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง อย่างกลุ่มธุรกิจโรงแรม ภายใต้บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ยังมีสัญญาณการเติบโตดี โดยในไตรมาสแรก  โรงแรม 2 แห่งแรก คือ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก ทองหล่อ (Staybridge Suites Bangkok Thonglor) กับ ฮอลิเดย์ อินน์ แอนด์ สวีทส์ ศรีราชา แหลมฉบัง (Holiday Inn & Suites Siracha Laemchabang) มีอัตราการเข้าพักกว่า 83% และ 58% ตามลำดับ และในไตรมาส 2 จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงแรมไอบิส (ibis) 3 แห่ง ที่เพิ่งดำเนินการซื้อกิจการเสร็จสิ้น และน่าจะได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากการผ่อนคลายมาตรการด้านการท่องเที่ยว และเปิดรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น

จากปัจจัยทั้งหมดจึงคาดว่ารายได้ของบริษัทฯ ทั้งปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ 17,500 ล้านบาท สอดรับกับแผนเติบโตแบบพหุจักรวาล หรือ Origin Multiverse

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ในช่วงไตรมาสแรก ทริส เรทติ้ง ได้ปรับอันดับเครดิตของบริษัทฯ จากระดับ BBB แนวโน้ม Positive ขี้นเป็นระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable เนื่องจากบริษัทฯ มีผลประกอบการที่ ดีอย่างต่อเนื่อง และสามารถก้าวสู่ตำแหน่งที่สู งขึ้นในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้อย่างต่อเนื่อง ชิงส่วนแบ่งทางการตลาดทั้งในธุ รกิจคอนโดมิเนียมและบ้านจั ดสรรเพิ่มขึ้นอย่างก้ าวกระโดดตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีสินค้าครอบคลุมหลากหลายระดั บราคาไปจนถึงราคา 50 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินที่มี ภาระดอกเบี้ยต่อทุนลดลงจนอยู่ ในระดับที่ต่ำกว่า 1 เท่าและยังสามารถสร้างรายได้ และยอดขายได้อย่างเติบโต แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดมาตลอด 2 ปี