1302 จำนวนผู้เข้าชม |
การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บมจ.โรแยล พลัส (PLUS) ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองตลอดทั้งวัน
โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 8 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 4.50 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 77.77% มีแรงซื้อหนุนราคาขึ้นไปได้อีกเล็กน้อย โดยแตะจุดสูงสุดที่ 8.15 บาท จากนั้น ก็โดนเทขายทำกำไรออกมาเรื่อยๆ กดราคาหุ้นให้ปรับลงเป็นลำดับ แต่ก็ยังยืนได้เหนือ 5.75 บาท และปิดภาคเช้าที่ 6.05 บาท สูงกว่าราคาจอง 1.55 บาท แต่เมื่อเปิดทำการภาคบ่าย กลับมีแรงขายกระจายตัวออกมาหนาแน่นกว่าแรงซื้อ ส่งผลให้ราคาหุ้นย่อตัวลงเรื่อยๆ จนแตะจุดต่ำสุดใหม่ ที่ 5.20 บาท ก่อนจะมีแรงซื้อปลายตลาด ดันราคาปิดที่ 5.50 บาท เหนือจอง 1 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 22.22%
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่ราคาหุ้น PLUS ทะยานตัวอย่างร้อนแรงตั้งแต่เปิดตลาด และยืนระยะเหนือมูลค่าเหมาะสมที่ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายส่วนใหญ่ (ยกเว้นหยวนต้าที่ประเมินราคาสูงถึง 7.25 บาท) ให้ไว้ระหว่าง 5.00-5.40 บาท จึงทำให้มีแรงขายทำกำไรกระจายตัวออกมาค่อนข้างหนาตา
ไม่ว่าราคาหุ้นจะผันผวนเพียงไร แต่นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ PLUS ยังคงยืนยันจุดยืนในการทำธุรกิจว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ และมีคุณภาพตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเน้นวัตถุดิบธรรมชาติ และนวัตกรรม จนทำให้น้ำมะพร้าว และน้ำนมมะพร้าว สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ร่วมกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อสร้างฐานและขยายฐานการตลาด สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี พิสูจน์ได้จากงบการเงินไตรมาสแรก ที่ประกาศก่อนหน้าการเข้าซื้อขายวันแรก สรุปได้ว่า ไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 390.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192.5% จากไตรมาสแรกปีก่อน (YoY) ส่วนกำไรอยู่ที่ 46.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 192.5% YoY เนื่องจากลูกค้ามีคำสั่งซื้อล่วงหน้าทำให้พร้อมจัดส่งสินค้าได้ในไตรมาสแรกปีนี้ตามกำหนด
สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 110.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100.2% YoY คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่ 28.7% เพิ่มขึ้น 20.1% YoY ขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12.0% เพิ่มขึ้น 75.3% ซึ่งเป็นผลจากการควบคุมต้นทุนการขายและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่สำคัญ การระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง ทั้งด้านฐานะการเงิน และศักยภาพในการทำธุรกิจของบริษัทฯ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการนำเงินทุนไปใช้ขยายโรงงาน ลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และช่วยผลักดันให้ยอดขายปีนี้เติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 50% ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้