1552 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ย้ายหมวดธุรกิจของ บมจ. เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) จากกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค มีผลตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา
ล่าสุด นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JR ออกมากล่าวถึงแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 2 ว่า จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก เพราะบริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับได้ปัจจัยหนุนจากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) รอส่งมอบค่อนข้างมาก โดยล่าสุด มี Backlog ทั้งสิ้นราว 4.1 พันล้านบาท (ไม่รวมงานติดตั้งสถานีชาร์จรถบัสไฟฟ้าขนาดใหญ่) และยังได้งานระบบไซเบอร์ซิเคียวริตี้ของภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติม คิดเป็นมูลค่าราว 60 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า จะสามารถรับรู้ปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 50% ที่เหลือทยอยรับรู้ในปีถัดไป นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตอย่างโดดเด่น
"ช่วงครึ่งหลังปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ มูลค่ารวมกันกว่า 7 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพู เฟส 2 มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท โครงการรื้อระบบโทรคมนาคมของรถไฟฟ้าสายอื่นๆ มูลค่าราว 500-600 ล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการพัฒนาสถานีไฟฟ้าย่อย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะได้รับการคัดเลือก เนื่องจากบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการวางระบบ หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Backlog ปีนี้ จะทะลุ 1 หมื่นล้านบาท สามารถรองรับการเติบโตระยะยาวได้ถึงปี 2568 และผลักดันให้ผลดำเนินงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JR อธิบาย
สำหรับความคืบหน้ากรณีบริษัทฯ มีความร่วมมือกับ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) พัฒนาสถานีชาร์จขนาดใหญ่สำหรับรถบัสไฟฟ้า ในเบื้องต้น บริษัทฯ ได้งานวางระบบและติดตั้งที่ชาร์จเข้ามาจำนวน 4 จุด คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 3 ช่วยเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ให้กับบริษัทฯ สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว