1910 จำนวนผู้เข้าชม |
นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายวานิชธนกิจและตลาดทุน บมจ. หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร (KKPS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บมจ. ไทยประกันชีวิต (TLI) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่่วไป (IPO) จำนวนรวม 2,316.7 ล้านหุ้น (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกินอีก 161.6 ล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 1 บาท ที่ราคาหุ้นละ 16 บาท โดยเตรียมเสนอขายหุ้นตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน ถึงวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ ผ่านบริษัทฯ และ บมจ. หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน (CNS) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินร่วม รวมทั้งมีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 11 ราย ประกอบด้วย บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง (BLS) บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) บมจ. หลักทรัพย์ ธนชาต (TNS) บมจ. หลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) บมจ. หลักทรัพย์ กรุงศรี (KSS) บมจ. หลักทรัพย์ ไอร่า (AIRA) บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ (TSC) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า (FNS) บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ (SCBS) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) และบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ประเทศไทย (GGS-CIMBS)
ทั้งนี้ หุ้นส่วนเกิน (Over-allotment Option หรือ Greenshoe) จะมีสัดส่วนไม่เกิน 7.5% ของหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด ซึ่งทาง KKPS จะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการรักษาเสถียรภาพของราคาหุ้น (Overallotment and Stabilizing Agent) ในช่วง 30 วันแรกหลังหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก จันทร์ที่ 25 กรกฎาคมนี้) เพื่อช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้นและเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุน
ด้านนายไชย ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI บอกว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัทฯ ครั้งนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่การเป็น Data Driven Company ที่ดำเนินธุรกิจผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงกลยุทธ์ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานแบบครบวงจร ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในลักษณะเฉพาะบุคคลได้อย่างแท้จริง รองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยอาศัยรากฐานที่แข็งแกร่งกว่า 80 ปีในธุรกิจประกันชีวิต ผนวกกับการพัฒนาองค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมด้วยยุทธศาสตร์ที่จะสร้างการเติบโตในอนาคตที่ชัดเจน เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่า TLI จะเป็นบริษัทประกันชีวิตที่อยู่เคียงข้างดูแลคนไทย เศรษฐกิจ และสังคมไทย อย่างยั่งยืน
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการลงทุนพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านนวัตกรรมที่จะเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ และดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร รวมไปถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านพันธมิตรที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับลูกค้าทั่วประเทศ ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งด้านฐานะการเงิน ทั้งเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และวัตถุประสงค์อื่นๆ ในอนาคต
ขณะที่นางวรางค์ ไชยวรรณ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TLI เสริมว่า การทำ IPO ครั้งนี้ ถือเป็น IPO ในธุรกิจประกันที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย และยังมีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในรอบกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีการเตรียมความพร้อมในทุกด้านเป็นอย่างดี ส่งผลให้ผลการพบปะกับนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำเสนอข้อมูลบริษัทฯ ได้รับกระแสตอบรับที่ดี โดยมีนักลงทุนสถาบันรวม 18 ราย สนใจลงทุนเป็น Cornerstone Investors คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 18,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด เพราะเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งศักยภาพในการสร้างการเติบโต และพัฒนาผลดำเนินงานที่มั่นคงได้อย่างยั่งยืน ดูได้จากอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ช่วงปี 2562–2564 ที่ 11.3%
สำหรับผลดำเนินงานในปีที่ผ่านมา ไทยประกันชีวิตมีส่วนแบ่งตลาดเมื่อพิจารณาจากเบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 15% สูงเป็นอันดับที่ 2 ในอุตสาหกรรมประกันชีวิต โดยมีรายได้รวม 109,246 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 8,394 ล้านบาท สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 25,955 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 3,793 ล้านบาท เติบโต 14.7% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า (YoY)
นอกจากนี้ TLI ยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยสิ้นไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนอยู่ที่ 360.6% ซึ่งสูงกว่าข้อกำหนดของ คปภ. ที่กำหนดไว้ที่ 140% อย่างมีนัยสำคัญ จนทำให้ Fitch Ratings จัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของบริษัทฯ ไว้ที่ A- (ระดับสากล) และ AAA (tha)
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีจุดแข็งเรื่องทีมผู้บริหารที่มากด้วยประสบการณ์ในธุรกิจประกันชีวิต ทั้งที่เป็นคนไทยและคนต่างชาติ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตร กลุ่มเมจิ ยาสุดะ ไลฟ์ อินชัวรันส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่ในญี่ปุ่น ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำธุรกิจ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด จนได้รับความเชื่อถือจากลูกค้าอย่างยาวนาน ทำให้เชื่อมั่นว่า ไทยประกันชีวิตจะคงความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น และอยู่ในใจคนไทยอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
ที่สำคัญ ผู้เกี่ยวข้องกับการขายหุ้น IPO ครั้งนี้ เชื่อมั้่นว่า TLI จะเป็นหุ้นคุณภาพอีกหนึ่งตัวสำหรับนักลงทุน และเป็นหุ้นที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนในธุรกิจประกันชีวิตในตลาดหุ้นไทยได้ด้วย