1281 จำนวนผู้เข้าชม |
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของบริษัทฯ แล้วเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 305 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 50 สตางค์ คิดเป็นสัดส่วน 25.31% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยคาดว่า จะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้ ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
ทั้งนี้ DTCENT ทำธุรกิจออกแบบ ผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการเช่าอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม (GPS Tracking) รวมถึงระบบเทเลเมติกส์สำหรับยานพาหนะ และซอฟต์แวร์สำหรับบริหารงานขนส่งอย่างครบวงจร นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการไอโอทีโซลูชั่น (IoT Solution) ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าทั้งแวดวงภาครัฐ และภาคเอกชน
สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ในการสร้างศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ (Vehicle Monitoring and Support Center) และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รองรับแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
ขณะที่นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ DTCENT อธิบายขอบเขตการทำธุรกิจเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการระบบติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม GPS โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศ เพราะมีจุดแข็งเรื่องประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ ความพร้อมของบุคลากรในการขยายหรือพัฒนาธุรกิจ จนได้รับความเชื่อมั่นจาก บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) และบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS) เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) เพื่อเติบโตไปด้วยกัน
ทั้งนี้ ความร่วมมือกับ YES ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นเป็นอย่างดี จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายตลาดไปยังกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำมากยิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่การเป็น Tier 1 Supplier ในงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics แล้ว
ส่วนความร่วมมือกับ BRS ทำจะผลักดันให้บริษัทฯ มีศักยภาพในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการโลจิสติกส์ ตามมา
นอกเหนือจากธุรกิจ GPS Tracking แล้ว กลุ่มบริษัทฯ มีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเป็นระบบอัจฉริยะในกลุ่มงาน IoT อันประกอบด้วย ระบบบริหารจัดการน้ำ, ระบบ SMART CITY SOLUTION หรือระบบบริหารการจัดการองค์กรส่วนท้องถิ่น, BAMS (Business Activity Management System), BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform และระบบ AI สำหรับงาน IoT
ล่าสุด กลุ่ม DTCENT มีบริษัทย่อย 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท วิศวกรรม ซอฟต์แวร์ (WS) บริษัท ไทย ดิจิทัลแมพ (TDM) และบริษัท ดี คอร์ ซิสเต็ม อินทิเกรเตอร์ (DCORE) โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 90% 95% และ 90% ตามลำดับ
สำหรับผลดำเนินงานย้อนหลังปี 2562 - 2564 และงวดไตรมาสแรกปีนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 810.94 ล้านบาท 639.38 ล้านบาท 591.53 ล้านบาทและ 156.23 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิช่วงปี 2562 - 2564 และงวดไตรมาสแรกปีนี้ ทำได้ 166.49 ล้านบาท 109.12 ล้านบาท 77.24 ล้านบาท และ 13.18 ล้านบาท ตามลำดับ