BLESS ยืนเหนือจองเกือบทั้งวัน ก่อนปิดเท่าราคาจอง 1.40 บาท

การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บมจ. เบล็ส แอสเสท กรุ๊ป (BLESS) ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองเกือบทั้งวัน   

โดยหลังจากเปิดตลาดที่บริเวณ 1.56 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 1.40 บาท คิดเป็นผลตอบแทนราว 11.4.% มีแรงซื้อโถมเข้ามาเป็นลำดับ หนุนราคาหุ้นไต่ระดับขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 1.71 บาท จากนั้นก็เริ่มมีแรงขายกระจายตัวออกมา กดราคาให้อ่อนตัวลง แต่ราคายังยืนระยะได้เหนือ 1.48 บาท ก่อนจะเผชิญแรงขายโถมออกมาช่วงปลายตลาด กดราคาหุ้นไหลลงมาตามลำดับ โดยแตะจุดต่ำสุดเท่าราคาจอง ที่ 1.40 บาท

โอกาสนี้ นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLESS แสดงความขอบคุณนักลงทุนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น เพิ่มความมุ่งมั่นให้ผู้บริหารและพนักงานบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ซื้อที่ดิน 2-3 แปลง รองรับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ปีละ 2-3 โครงการ เพื่อผลักดันผลดำเนินงานช่วง 3-5 ปีข้างหน้า ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

เฉพาะปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะได้ปัจจัยหนุนจากยอดขายรอโอนที่มีกว่า 400 ล้านบาท ที่เกิดจากการรับรู้รายได้ในโครงการ Bless Ville สุขุมวิท บางปู ซึ่งคาดว่าจะเริ่มโอนภายในไตรมาส 3 นี้ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่น้อยกว่า 30% เช่นเดียวกับในปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมเปิดโครงการอสังหาฯ แนวราบ ซึ่งตลาดมีความต้องการจำนวนมาก หลังจากการเกิดการระบาดของไวรัสโควิด ผลักดันให้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาและทำงานที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้น ด้วยการเปิดตัวโครงการ Blessington เจาะกลุ่มลูกค้าตลาดกลางถึงบน ทยอยรับรู้รายได้ปีหน้า

ขณะที่นายอภิชาต แสงจันทร์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ (TNITY) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น BLESS กล่าวเสริมว่า การที่บริษัทฯ มีฐานเงินทุนที่ใหญ่ขึ้น และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง จาก 1.43 เท่า เหลือเพียง 1.15 เท่า ผนวกเข้ากับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ปีละ 2-3 โครงการ ทำให้เชื่อมั่นว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯ ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าจะเติบโตก้าวกระโดด สร้างผลตอบแทนที่ดีคืนกลับให้กับนักลงทุน ในลักษณะหุ้น High Growth-High Margin ที่น่าจับตามอง

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมา BLESS มีการเติบโตของรายได้เฉลี่ยปีละ 20% โดยรายได้ปี 2563 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ก่อนจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในปีที่ผ่านมา ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการสั่งปิดแคมป์คนงาน ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปิดยอดโอนได้ตามแผน กระนั้น บริษัทฯ ยังสามารถควบคุมกำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับ 30% และมีกำไรไม่ต่ำกว่า 10%

ทั้งนี้ BLESS มีโครงการหลากหลายทั้งคอนโดฯ ทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยว บนพื้นที่ศักยภาพ กระจายบริเวณกรุงเทพชั้นนอกและ ปริมณฑล ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกความต้องการ โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและพัฒนา ณ สิ้นไตรมาสแรกที่ผ่านพ้นไป มูลค่ากว่า 2,970 ล้านบาท และมีโครงการบ้านเดี่ยวที่กำลังจะเปิดตัวมูลค่า 720 ล้านบาท โดยทุกโครงการก่อสร้างด้วยระบบ Wall Form ที่มีความแข็งแรง และรวดเร็ว