SAPPE จับมือ GUNKUL ต่อยอดผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง ขยายธุรกิจใหม่ ประเดิมในประเทศ ก่อนรุกส่งออกต่อไป

1433 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SAPPE จับมือ GUNKUL ต่อยอดผลิตภัณฑ์กัญชา กัญชง ขยายธุรกิจใหม่ ประเดิมในประเทศ ก่อนรุกส่งออกต่อไป

บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ บริษัท จี.เค.เฮมพ์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.กันกุล เอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ในการจะซื้อจะขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับพืชกัญชากัญชง เพื่อขยายตลาดสินค้ากัญชากัญชงของไทย โดยจะเริ่มทำตลาดในประเทศ แล้วขยายเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE บอกว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญของทั้ง 2 บริษัทฯ ที่จะผนึกกำลังเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ จึงได้แตกส่วนงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาตลาด

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น บริษัทฯ พร้อมเริ่มดำเนิ นการในส่วนของวัตถุดิบ เพื่อนำเสนอทางเลื อกในการเพิ่มมูลค่าสินค้าจากประโยชน์ของสารสกัดจากกัญชากัญชง ให้ตรงความต้องการของกลุ่มลูกค้า ภายใต้คุณภาพและมาตรฐานต่างๆ ที่กำหนดไว้ทั้งในไทยและในแต่ละประเทศ เพื่อเตรียมส่งออกสู่ตลาดโลกในอนาคต


"ด้วยจุดแข็งของ SAPPE ในการเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มนวัตกรรมชั้นนำเมืองไทย มีความเชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดและการขาย มีพันธมิตรและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง คาดว่าจะสามารถนำวัตถุดิบและสารสกัดจากกัญชากัญชง ที่ถูกเพาะปลูกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจาก GUNKUL มาจำหน่ายต่อให้กว้างขวางมากขึ้น เริ่มต้นที่ตลาดในประเทศก่อนแล้วค่อยต่อยอดไปสู่ต่างประเทศต่อไป” สาวแกร่งของ SAPPE ชี้แจง

ส่วนนางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) เสริมว่า ความร่วมมือระหว่าง SAPPE และ GUNKUL ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน เพื่อตอบความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภค โดยเฉพาะด้านการดูแลสุขภาพ ผ่านการคิดค้นพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่นำคุณประโยชน์ของกัญชง กัญชามาใช้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจไปสู่ตลาดที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี และตอบโจทย์ความต้องการอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ โดยนำสารสกัดจากกัญชงไปเป็นวัตถุดิบและสารตั้งต้น หรือใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ ช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่การผลิต ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทยบนเวทีตลาดโลก นับเป็นโอกาสในการเพิ่มช่องทางขยายธุรกิจและสร้างฐานรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯ โดยการเติบโตจะเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับกลุ่มพันธมิตร 


“บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ด้วยรูปแบบการปลูกที่เป็นระบบโรงเรือนที่มีมาตรฐานสูง และปลูกในระบบ Hydroponics ที่ใช้น้ำ Reverse Osmosis หรือ RO ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงมากพอสำหรับนำไปทำสารสกัด รวมถึงใช้งานทางการแพทย์ จนได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง” สาวแกร่งของ GUNKUL ยืนยันหนักแน่น

ปัจจุบัน GUNKUL มีโรงสกัดสาร CBD 1 แห่ง ตั้งอยู่ที่คลอง 11 จังหวัดปทุมธานี เพื่อผลิตสินค้าในหมวดเครื่องสำอาง เครื่องดื่ม และยาสมุนไพร ด้วยกำลังการผลิตวันละ 200 กิโลกรัม (ดอกแห้ง) ส่วนพื้นที่เพาะปลูกกัญชงมีจำนวน 15 ไร่ บนพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ และมีโรงเรือนเพาะปลูกจำนวน 13 โรงเรือน ซึ่งจะขยายเพิ่มเป็น 35 โรงเรือน บนพื้นที่ 60 ไร่ ภายในสิ้นปีนี้   

ที่สำคัญ ทั้ง 2 พันธมิตร พร้อมสนองแนวนโยบายภาครัฐ ที่ต้องการผลักดันกัญชา กัญชง ให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศ เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้