KBANK ประกาศกำไรครึ่งปีแรก 2.2 หมื่นล้านบาท โต 12.7% YoY

1702 จำนวนผู้เข้าชม  | 

KBANK ประกาศกำไรครึ่งปีแรก 2.2 หมื่นล้านบาท โต 12.7% YoY

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประกาศผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก สรุปได้ว่า มีกำไรสุทธิ 22,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 2,484 ล้านบาท คิดเป็น 12.72% YoY หลักๆ เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 5,913 ล้านบาท หรือ 10.22% ทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ที่เติบโตตามการขยายช่องทางให้สินเชื่อใหม่ตามยุทธศาสตร์ของธนาคาร และการให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจ รับการผ่อนคลายมาตรการทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย กลับลดลง 4,671 ล้านบาท หรือ 20.28% YoY ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ตามภาวะตลาดการเงินที่ผันผวนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายได้สุทธิจากการรับประกันภัย และค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุนก็ลดลง

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น 1,860 ล้านบาท คิดเป็น 5.53% YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อย ยังตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยยึดหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาปัจจัยเชิงเศรษฐกิจต่างๆ อย่างรอบคอบ 

ส่วนผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 เทียบไตรมาสแรก ธนาคารทำกำไรสุทธิได้ 10,794 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 417 ล้านบาท คิดเป็น 3.72% QoQ  โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 261 ล้านบาท หรือ 0.82% QoQ ส่วนใหญ่จากรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อซึ่งเพิ่มขึ้นตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ระดับ 3.21% เช่นเดียวกับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ซึ่งเพิ่มขึ้นราว 637 ล้านบาท หรือ 7.17%  QoQ ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ของสินทรัพย์ทางการเงิน ค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน และค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงตามภาวะตลาด

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น 680 ล้านบาท หรือ 3.90% QoQ จากค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to Income ratio) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 43.53%

นอกจากนี้ ธนาคารและบริษัทย่อย ยังได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 516 ล้านบาท หรือ 5.53% สอดคล้องกับการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และปัจจัยเชิงเศรษฐกิจต่างๆ  

สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ สิ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 3.80% โดยธนาคารได้เริ่มดำเนินการเชิงรุกผ่านการร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อยกระดับการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น และยังมีเป้าหมายเพื่อช่วยคืนลูกหนี้ที่มีสถานะทางการเงินที่ดี ให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินได้ในอนาคต

สำหรับสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง อยู่ที่ 18.37% เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ในอัตรา 16.39% 


โอกาสนี้ นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KBANK ยังพูดถึงทิศทางการทำธุรกิจในครึ่งปีหลังเพิ่มเติมด้วยว่า ธนาคารพร้อมเดินกลยุทธ์ด้วยการใช้เทคโนโลยี และกระบวนการใหม่ๆ รวมทั้งการผนึกกำลังกับพันธมิตร ขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินได้ในวงกว้าง โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยอยู่ในระบบ ให้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนและสภาพคล่อง รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่างๆ ของธนาคารได้ ตามยุทธศาสตร์ที่ธนาคารวางเอาไว้ ถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะมีแรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคครัวเรือน และกดดันให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นก็ตาม 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้