KTB ประกาศกำไรครึ่งปีแรก 1.7 หมื่นล้านบาท โต 48%

บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประกาศผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก สรุปได้ว่า มีกำไรสุทธิ 17,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) สาเหตุหลักจากการเติบโตของสินเชื่อ ทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อรายย่อย หนุนให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัว 4.9% และมีอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ที่ 2.5% ใกล้เคียงปีก่อน อย่างไรก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยกลับลดลง 393 ล้านบาท หรือ 2.36% YoY แต่เนื่องจากธนาคารสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง 0.7% ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to Income ratio) อยู่ที่ 41.86% ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 43.33%

สำหรับการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลง 31.0% แต่ยังคงรักษาระดับของ Coverage ratio ได้สูงระดับ 174.3% โดยธนาคารยังยึดหลักการทำธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะมีผลกระทบกับคุณภาพของสินทรัพย์

สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 2 เทียบไตรมาส 2 ปีก่อน (YoY) ธนาคารมีกำไรสุทธิ 8,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% สาเหตุหลักจากรายได้รวมที่ขยายตัว 2.1% ทั้งการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของสินเชื่อ และการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในภาพรวม ส่งผลให้ Cost to Income ratio ทรงตัวบริเวณ 42.48% ส่วนการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) อยู่ที่ 5,669 ล้านบาท ลดลง 30% YoY ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio-Gross) ลดลง 0.18% เหลือ 3.32% และสามารถรักษาระดับของ Coverage ratio ได้ที่ 174.3% เทียบกับ 168.8% ในสิ้นปีก่อน

แต่หากเทียบกับไตรมาสแรกปีนี้ (QoQ) ธนาคารมีกำไรสุทธิลดลง 4.8% เนื่องจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (mark to market) ของสินทรัพย์ทางการเงินในส่วนอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด ถึงแม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวได้ดีจากการขยายตัวของรายได้ดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อ

สำหรับสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง อยู่ที่ 20.13% เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ในอัตรา 15.98% สูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด อีกทั้งในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ธนาคารได้ออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิ ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 จำนวน 18,080 ล้านบาท ช่วยเพิ่มอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงให้แข็งแกร่งมากขึ้น รองรับการเติบโตในอนาคต

พร้อมกันนี้ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB พูดถึงทิศทางการทำธุรกิจในครึ่งปีหลังเพิ่มเติมด้วยว่า ธนาคารจะยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง ในรูปแบบ “K-shape” ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง ควบคู่ไปกับการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มในทุกมิติ และให้ความช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง