เชื่อ ดีลซื้อกิจการ 3BB และ JASIF key drive ราคาหุ้น ADVANC หวังกำไรปีนี้ยาก โตต่ำ

บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS รายงานกำไรไตรมาส 2 ที่ 6,305 ล้านบาท ประคองตัวใกล้เคียงไตรมาสก่อน (QoQ) แต่ลดลง 10.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) เนื่องจากมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น และรับรู้รายการพิเศษลดลง อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจมือถือเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% แต่การแข่งขันที่รุนแรงยังคงกดดันให้ APRU ลดลง ขณะที่ธุรกิจอินเตอร์เน็ตบ้านและองค์กรเพิ่มขึ้น 22% และ 30% ตามลำดับ   

ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ทรงตัว QoQ แต่อ่อนตัวลง 2.8% YoY จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับคอนเทนต์ใหม่ และค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพิ่มขึ้น และฉุดให้ EBITDA margin ลดลงจาก 54% ในไตรมาส 2 ปีก่อน ลงมาเหลือ 49%

สำหรับกำไรสุทธิงวดครึ่งปีแรกอยู่ที่ 12,616 ล้านบาท ลดลง 7.8% YoY จากการลดลงของ EBITDA และผลกระทบของการรับรู้รายการพิเศษเป็นรายได้อื่นในครึ่งปีแรกปีก่อน ขณะที่รายได้จากธุรกิจมือถือลดลง 0.7% YoY แต่ดีขึ้นจากไตรมาสแรก (QoQ) ที่ลดลงถึง 2.2% จากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง และการเร่งตัวของเงินเฟ้อ อีกทั้งค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 16% และ 5.5% YoY ตามลำดับ แม้รายได้จากธุรกิจอินเตอร์เน็ตบ้านและองค์กรจะยังเติบโตดี ในอัตรา 24% และ 30% ก็ตาม 

โอกาสนี้ ผู้บริหารได้มีการปรับเป้าทั้งรายได้และกำไรลงจากเดิมที่คาดจะโตราว 4-5% เหลือ 2-3% จากความกังวลทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น พร้อมกับลดงบลงทุนลงมาเล็กน้อย เหลือไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท แต่ยังคงยืนยันนโยบายในการจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 70% ของกำไรสุทธิ ทำให้บริษัท ฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลทันที ในอัตราหุ้นละ 3.45 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 สิงหาคมนี้ ก่อนจ่ายเงินตามมาในวันที่ 6 กันยายน

สำหรับมุมมองนักวิเคราะห์ เสียงส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นว่า ADVANC มีศักยภาพที่จะผลักดันธุรกิจให้กลับมาฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปได้ในครึ่งปีหลัง ก่อนเห็นการฟื้นตัวชัดเจนในปีหน้า พร้อมให้ความเห็นด้วยว่า ดีลซื้อกิจการ 3BB และ JASIF จะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนราคาหุ้น  

โดยแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHS) บอกว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับลดเป้ารายได้และ EBITDA ของบริษัทฯ ทำให้ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลงมาที่ 26,962 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อน ก่อนเห็นกำไรฟื้นตัวในปีหน้า 8% ตามภาวะเศรษฐกิจ  โดยมีดีลการซื้อกิจการ 3BB และ JASIF ช่วยเร่งความสามารถทำกำไรให้แข็งแกร่งขึ้น และยังคงยกให้เป็น Top Pick กลุ่มเหมือนเดิม พร้อมแนะนำ “ซื้อ” เพราะสามารถคาดหวัง upside ได้เกิน 15% จากราคามูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 230 บาท บวกด้วยเงินปันผลที่บริษัทฯ จะจ่ายหุ้นละ 3.45 บาท คิดเป็นผลตอบแทนราว 1.7% ขึ้น XD 19 สิงหาคมนี้  

เช่นเดียวกับค่ายกรุงศรีอยุธยา (KSS) ที่ปรับลดราคาเป้าหมายลงจาก 253 บาท เหลือ 248 บาท เพื่อให้สะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ และปีหน้าลง 1.9% และ 6.3% ตามลำดับ แต่ยังคงแนะนำ "ซื้อ” เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น จากการซื้อกิจการ 3BB ประกอบกับราคาหุ้นยังตามหลังหุ้นตัวอื่นในกลุ่มอยู่ และยังคาดหวังผลตอบแทนในรูปเงินปันผลในอัตรา 1.7% เพิ่มในระยะสั้นๆ ได้อีก                                           
 
ส่วนดาโอ (DAOL) หรือชื่อเดิม เคทีบีเอสที (KTBST) คิดต่างเล็กน้อย โดยชี้ว่า แม้จะคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท โต 2% YoY ตามเดิม แต่แนะนำแค่ "ถือ" เพื่อรอความชัดเจนจากการควบรวมกิจการระหว่าง DTAC กับ TRUE และการที่ ADVANC ซื้อ 3BB และ JASIF ที่คาดว่าจะมีบทสรุปในปลายปีนี้อีกครั้ง แต่หากดีลดังกล่าวสำเร็จจะเป็น key catalysts ให้ราคาหุ้นกลับมา outperform ตลาดอีกครั้ง

ขณะที่กสิกรไทย (KS) คงประมาณการกำไรปกติปีนี้และปีหน้าตามเดิม พร้อมคงราคาเป้าหมายอิงตามวิธี DCF ที่ 249.45 บาทตามเดิม และแนะนำ "ซื้อ” ADVANC เพราะเล็งเห็นปัจจัยบวกจากการควบรวมกิจการเพิ่มมูลค่าหุ้น ประกอบด้วย 1) ความสำเร็จในการซื้อกิจการ 3BB และ JASIF โดยยกเลิกสัญญาประกันรายได้ 2) สภาพแวดล้อมการแข่งขันในตลาดโทรศัพท์มือถือ และไฟเบอร์ที่ปรับดีขึ้น หลังการรวมตลาด และ 3) การปลดล็อกมูลค่าที่อาจเกิดขึ้น เช่น การขายสินทรัพย์ รวมถึงศูนย์ข้อมูล เสาสัญญาณมือถือ

นอกจากนี้ หากมองในเชิงราคาหุ้น การที่ราคาหุ้น ADVANC จากต้นปีถึงวันนี้ปรับตัวลง 11.7% มากกว่าคู่แข่ง และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจเกิดจากนักลงทุนหลายรายผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ของบริษัทฯ จากหุ้นปันผลดี เป็นหุ้นเติบโต ขณะที่ข้อตกลงการเข้าซื้อกิจการที่ถูกเสนอมา ไม่อาจช่วยเสริมรายได้ โดยเฉพาะหาก ADVANC ยืนยันที่จะซื้อ TTTBB และ JASIF โดยไม่มีการยกเลิกการรับประกันรายได้