GUNKUL กำไรครึ่งปีแรกเกินคาด คาดครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง โอนโรงไฟฟ้าไปบริษัทร่วมทุนกระทบจำกัด  

1709 จำนวนผู้เข้าชม  | 

GUNKUL กำไรครึ่งปีแรกเกินคาด คาดครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง โอนโรงไฟฟ้าไปบริษัทร่วมทุนกระทบจำกัด  

บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 2 มีกำไร 778 ล้านบาท เติบโต 49% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และ 55% จากไตรมาสแรก (QoQ) ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาด สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายไฟฟ้าที่สูงกว่าตลาดคาด หนุนด้วยกำไรพิเศษที่มากกว่าคาด แต่หากตัดรายการพิเศษออกไป จะมีกําไร 536 ล้านบาท เติบโต 4% YoY และ 95% QoQ สูงเกินความคาดหมายของตลาดเช่นกัน

ขณะที่งวดครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.25% YoY ทั้งที่รายได้รวมเพิ่มขึ้นเพียง 5.36% YoY มาอยู่ที่ 4,676 ล้านบาท เพราะรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวางระบบด้านวิศวกรรม (EPC) ลดลง อย่างไรก็ตาม อัตรากําไรสุทธิกลับปรับตัวดีขึ้นจาก 25.1% ในไตรมาส 2 ปีก่อน และ 25.2% ในไตรมาสแรกปีนี้ มายืนที่ 38.6% สอดรับไปกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ โดยทำได้สูงถึง 47%    

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลัง ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้ข้อมูลว่า ยังมั่นใจว่ารายได้และกำไรสุทธิจะยังเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ขับเคลื่อนจากทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจ EPC หรือธุรกิจกัญชง-กัญชา




โดยธุรกิจพลังงานทดแทน กลุ่มบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตแตะ 1,000 เมกะวัตต์ภายในปีหน้าเหมือนเดิม ส่วนธุรกิจ EPC มีแผนเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ ที่จะเปิดให้ประมูลกว่า 50,000 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจกัญชง-กัญชา น่าจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มตัวตั้งแต่ไตรมาส 3 เรื่อยไป 

สำหรับมุมมองนักวิเคราะห์ ยอมรับว่า แม้ GUNKUL จะมีกำไรครึ่งปีแรกดีเกินคาด แต่แนวโน้มครึ่งปีหลัง ตลาดยังมีความกังวลต่อกรณีที่บริษัทฯยกเอาโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 แห่ง ใส่เป็นสินทรัพย์ในบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งร่วมกับกลุ่ม บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ว่า จะฉุดให้กำไรหายไปเห็นผลทันทีในงบการเงินงวดไตรมาส 3 นี้ ซึ่งในทางปฏิบัติ นักวิเคราะห์ทุกสำนักจะมองว่า การเปลี่ยนวิธีรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 แห่งอย่างเต็มตัว เป็นส่วนแบ่งกำไร น่าจะส่งผลกระทบต่องบการเงินปีนี้จำกัด แต่คาดจะเห็นผลชัดเจนในปีหน้า ที่สำคัญ ผลกระทบดังกล่าวจะเกิดแค่ระยะสั้นเท่านั้น แต่จะส่งผลบวกอย่างมีนัยยะในระยะกลางถึงยาว 

บัวหลวง (BLS) คาดกําไรหลักไตรมาส 3 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ เพราะบริษัทฯ จะรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 แห่ง กำลังการผลิตรวม 170 เมกะวัตต์ (MW) น้อยลงตามสัดส่วนการลงทุนที่ลดลงเหลือ 50% จากการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทย่อยของ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี้ ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และน่าจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อตลาดในระยะสั้น แต่เมื่อบริษัทร่วมทุน GULF-GUNKUL เริ่มลงทุนโครงการพลังงานทดแทนใหม่ๆ จะคลายความกังวลของตลาดได้ในที่สุด




แต่ในเบื้องต้น พร้อมปรับประมาณการกำไรหลักทั้งปีเพิ่ม 5% เป็น 1,469 ล้านบาท แต่ลดลง 25% YoY เพื่อให้สอดคล้องกับผลดำเนินงานครึ่งปีแรกที่ดีเกินคาด คิดเป็นราคาเหมาะสมที่ 6.50 บาท และแนะนำ "ซื้อ” เพราะราคาหุ้นมีการปรับตัวลงรับภาพระยะสั้นที่ไม่สดใสไปแล้วก่อนหน้านี้

ส่วนโนมูระ พัฒนสิน (CNS) ประเมินกำไรทั้งปีที่ 2,056 ล้านบาท ลดลง 8% YoY โดยกำไรถูกกดดันจากแรงลมที่ต่ำกว่าปกติ และส่วนแบ่งกำไรลดลง หลังมีโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ Adder หมด และธุรกิจ EPC ลดลง ขณะที่ธุรกิจกัญชง-กัญชา คาดรายได้จะเริ่มเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป โดยประเมินกำไรปีนี้ที่ 165 ล้านบาท ก่อนโตก้าวกระโดดในปีหน้าเป็น 627 ล้านบาท เพราะบริษัทฯ มีแผนปลูกกัญชง-กัญชาเพิ่มจากปัจจุบัน 5 ไร่ เป็น 13 ไร่ ในไตรมาส 3 ปีนี้ ก่อนเพิ่มเป็น 35 ไร่ ในระยะถัดไป

ส่วนประเด็นบริษัทร่วมทุนกับ GULF ในระยะสั้น จะมีผลให้กำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมของ GUNKUL หายไปครึ่งหนึ่ง จากที่กำไรปีละ 1.0-1.5 พันล้านบาท แล้วรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรแทน แต่เชื่อว่ากำไรปีนี้จะไม่มี downside เพราะจะมีกำไรพิเศษมาชดเชย แต่ปีหน้าคาดกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะหายไป 600 ล้านบาท แม้จะได้กำไรจากการรับงาน EPC ให้บริษัทร่วมทุนเข้ามาชดเชยราว 150 ล้านบาท คิดเป็น downside ต่อกำไร 18% ทำให้ประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ที่ 5.80 บาท แนะนำ "Trading Buy”

ขณะที่ดาโอ (DAOL) คงประมาณการกำไรปกติปีนี้ที่ 1.4 พันล้านบาท ลดลง 31% YoY เพราะคาดแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังทรงตัวจากครึ่งปีแรก หนุนโดยการเติบโตของธุรกิจ EPC และการเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชง-กัญชา แต่ถูกบั่นทอนโดยการเปลี่ยนวิธีรับรู้กำไรของโรงไฟฟ้าพลังงานลมเป็น equity income แทน

ซึ่งการที่ราคาหุ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมามีการปรับฐาน จน underperform ตลาด 10-12% จากการเปลี่ยนวิธีรับรู้รายได้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม จากบริษัทร่วมทุนฉุดให้กำไรหายไป จึงแนะนำ "ซื้อ” โดยให้มูลค่าพื้นฐานที่ 6 บาท อิงวิธี SOTP เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นจะกลับมา outperform ได้อีกครั้ง จากโอกาสขยายโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เปิดกว้างของบริษัทร่วมทุน ช่วยเพิ่ม winning rate  อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่แผน PDP ฉบับใหม่ คาดมีโรงไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์อีกกว่า 5-6 กิกะวัตต์ (GW) เป็น potential projects ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศได้ในครึ่งปีหลังนี้

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้