1703 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีนี้ สรุปได้ว่า มีกำไรสุทธิ 42.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.39 ล้านบาท คิดเป็น 75.36% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) เพราะได้ปัจจัยบวกจากความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ เพื่อใช้ทดแทนราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูง หนุนด้วยการเพิ่มจุดกระจายสินค้าเป็น 165 แห่ง ช่วยให้สามารถกระจายสินค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการขายและให้บริการเพิ่มขึ้น 28.5% YoY มาอยู่ที่ 3,482 ล้านบาท พร้อมกับสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แบรนด์ "เวิล์ดแก๊ส” ขึ้นมาเฉียด 19% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเริ่มรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าจากโครงการโซลาร์ รูฟท็อป ซึ่งมีกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ (MW) และตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้เป็น 20 MW
สำหรับกำไรขั้นต้น ปรับเพิ่มขึ้น 46.7% YoY เป็น 195 ล้านบาท ถึงแม้บริษัทฯ จะมีค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นตามต้นทุนค่าขนส่ง และมีค่าใช้จ่ายในการบริหารสูงขึ้น หลักๆ มาจากการลงทุนในบริษัท ไทยแก๊ส ไซ ลินเดอร์ ช่วงไตรมาสสุดท้ายปีก่อนสร้างแรงกดดันก็ตาม
"ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาอุตสาหกรรมก๊าซ LPG ฟื้นตัวอย่างชัดเจน เพราะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น มีผลให้ก๊าซ LPG กลับมาเป็นที่นิยม สะท้อนผ่านยอดขายที่เพิ่มขึ้น 11.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 385,615 ตัน นอกจากนี้ การที่ราคาขายก๊าซปรับเพิ่มขึ้น ยังเป็นอีกปัจจัยบวกที่หนุนให้ผลดำเนินงานของ WP ทั้งกำไรและรายได้ ช่วงครึ่งปีแรกเติบโตในทิศทางบวก" นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อธิบาย
โอกาสนี้ ผู้บริหารสาวเก่งของ WP ประเมินภาพธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังด้วยว่า จะสดใสต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เพราะราคาก๊าซ LPG ยังมีแนวโน้มยืนระดับสูงต่อเนื่องตามราคาตลาดโลก ขณะที่ความต้องการใช้ LPG ทั้งในและต่างประเทศ คาดเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ตามการคลายตัวของสถานการณ์โรคระบาด การเปิดประเทศที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการขนส่งฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ น่าจะผลักดันยอดขายก๊าซ LPG ทั้งปีเพิ่มเป็น 7.65 แสนตัน หนุนให้รายได้รวมทั้งปีเติบโตได้ 5% ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้