มั่นใจ LEO กำไรปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ปีหน้า ยังมีคำถามเรื่องค่าระวางขนส่งทางเรือ  

1583 จำนวนผู้เข้าชม  | 

มั่นใจ LEO กำไรปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ปีหน้า ยังมีคำถามเรื่องค่าระวางขนส่งทางเรือ  

บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปีนี้ สรุปได้ว่า มีรายได้รวม 1,335.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิ 99.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.7% YoY สร้างสถิติสูงสุดใหม่ 6 ไตรมาส ติดต่อกัน ขณะที่ผลดำเนินงานช่วงครึ่งแรกปีนี้ มีรายได้รวม 2,986.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189% YoY หนุนให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 172% YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 189.8 ล้านบาท ซึ่งกำไรระดับนี้สูงเกือบเท่ากำไรสุทธิในปีก่อน ที่ทำไว้ 198.8 ล้านบาท

โอกาสนี้ นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO ชี้แจงสาเหตุที่ทำให้ผลดำเนินงานไตรมาส 2 เติบโตทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ว่า ได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังยืนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปริมาณความต้องการขนส่งทางเรือยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยปริมาณตู้สินค้าที่ขนส่งช่วงครึ่งปีแรกที่สูงถึง 31,500 TEUS ขณะเดียวกัน ความต้องการขนส่งทางอากาศก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นถึง 189% YoY




สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลัง น่าจะสดใสต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเกิดจากฤดูกาลส่งออกรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ทั่วโลก อีกส่วนหนึ่งได้อานิสงค์จากเทศกาล Global Shopping Sales ของ E-Commerce Platform ทั่วโลก ที่เริ่มตั้งแต่เทศกาล Prime Day ของ Amazon ช่วงเดือนกรกฎาคม ต่อเนื่องด้วยเทศกาล 9/9, 10/10, 11/11 ของ E-Commerce Platform ในประเทศจีน ขณะเดียวกัน ยังมีรายได้เสริมจากการเติบโตของ Self storage แห่งที่ 2 ที่เยาวราช และการเปิดให้บริการลานเก็บตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่ 2 ในครึ่งปีหลัง รวมถึงการรุกขยายธุรกิจให้บริการเช่าคลังสินค้าและ Self-storage ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับ บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) ไปแล้ว ผลักดันให้ผลดำเนินงานปีนี้เติบโตได้ถึง 30-35% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนจับมือกับบริษัทจดทะเบียน และบริษัทข้ามชาติระดับภูมิภาคเพิ่มอีก 2-3 ราย เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) พัฒนาธุรกิจ Warehouse, Cold Chain Logistics และ Self Storage รวมถึงหาโอกาสในการปิดดีล M&A เพิ่มเติมภายในปีนี้ และนับรวมแผนขยายธุรกิจ Non-Logistics อย่างจริงจัง ประเดิมด้วยธุรกิจกัญชา ที่บริษัทฯ เซ็น MOU กับวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัยเกษตรปลอดภัย จ.อุทัยธานี สนับสนุนโครงการเพาะพันธุ์ปลูกขายต้นกล้ากัญชา ต่อยอดสู่การผลิตช่อดอกเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ทำให้เชื่อมั่นว่า ธุรกิจจะมีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ภายใน 1-2 ปีข้างหน้านี้ 

พร้อมกันนี้ LEO ได้ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืน 5 ล้านหุ้น วงเงินรวมไม่เกิน 65 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ปีหน้า เพิ่มเติมด้วย เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริ งของบริษัทฯ 

สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์ ขานรับกำไรที่โดดเด่นในปีนี้เช่นกัน แต่กลับมีคำถามตามสำหรับแนวโน้มกำไรปีหน้าเกิดขึ้น เมื่อค่ายฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ชี้ว่า หลังจากค่าระวางขนส่งทางเรือล่าสุดปรับลงเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ไตรมาส โดย SCFI Index เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ปรับลงมาอยู่ที่ 3,563 จุด ต่ำสุดในรอบ 60 สัปดาห์ ก่อนฟื้นตัวเล็กน้อยในเวลาต่อมา ทำให้กังวลว่า แนวโน้มค่าระวางที่เริ่มอ่อนตัว จะกดดันให้แนวโน้มกำไรไตรมาส 3 ลดลงจากไตรมาส 2 (QoQ) ส่งผลให้แนวโน้มกำไรไตรมาสสุดท้ายปีนี้ปรับลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ตามมา เพราะรายได้หลักของ LEO มาจากธุรกิจขนส่งทางเรือในสัดส่วนสูงถึง 90% ของรายได้รวม จึงมีความเป็นไปได้ว่า กำไรไตรมาส 2 จะเป็นจุดสูงสุดใหม่แล้ว ดังนั้น จึงคงกำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 362 ล้านบาท เติบโต 82.3% ตามเดิม แต่คาดกำไรปีหน้าจะลดลง 26.6% เหลือ 266 ล้านบาท พร้อมคงราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 15 บาท อิง P/E 18 เท่า  




ส่วนฟิลลิป (PLS) มองต่างออกไป โดยยังคงปรับประมาณการรายได้และกำไรปีนี้ขึ้นจากเดิม เป็น 6,187 ล้านบาท และ 386 ล้านบาท ตามลำดับ จากการขยายงานอย่างต่อเนื่องทั้งในปีนี้และในอนาคต หนุนด้วยฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ช่วยจำกัดความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้แนวโน้มรายได้ปีหน้าคาดจะเติบโต 15% เป็น 7,124 ล้านบาท และกำไรขยายตัว 16% เป็น 447 ล้านบาท คิดเป็นราคาเป้าหมายที่ 21 บาท อิงฐานปีหน้า

เช่นเดียวกับบัวหลวง (BLS) ที่มองว่า แนวโน้มค่าระวางเรือที่ไม่น่าตื่นเต้นได้สะท้อนผ่านการปรับฐานของราคาหุ้นช่วงก่อนหน้านี้แล้ว โดยประเด็นการลงทุนอยู่ที่ฐานลูกค้าที่เติบโตขึ้นมาก การเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการส่งออกในไตรมาส 3 และ 4 รวมถึงแผนลงทุนใหม่ๆ ผ่านการร่วมทุน การปิดดีล M&A การก้าวเข้าไปสู่ธุรกิจกัญชง กัญชา และ Cold Chain Logistics หนุนด้วยโอกาสในการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น ขับเคลื่อนภาพการเติบโตของ LEO ในระยะยาว จึงคงแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 22.50 บาท

 





 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้