2023 จำนวนผู้เข้าชม |
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ ดาโอ (DAOL) เปิดเผยว่า จาการติดตามผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนที่นำส่งงบการเงินมา 818 ราย พบว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ที่ 3.47 แสนล้านบาท (ไม่รวมการบินไทย) เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสแรก (QoQ) ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai อยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% YoY แต่ลดลง 33.64% QoQ
ซึ่งการเติบโตของกำไรหลักๆ มาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน ที่ดำเนินไปพร้อมวิกฤติพลังงาน และเงินเฟ้อ ผลักดันให้ราคาน้ำมันทะยานตัวอย่างร้อนแรง อย่างราคาน้ำมันแหล่ง Brent พุ่งเหนือบาร์เรลละ 100 เหรียญสหรัฐฯ โดยมีจุดสูงสุดของไตรมาสที่บาร์เรลละ 125 เหรียญสหรัฐฯ ขับเคลื่อนกำไรเติบโตอย่างโดดเด่น ขณะที่กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ทำกำไรได้เกินคาดหมาย เพราะมีหุ้นบางตัวพลิกจากขาดทุนมาเป็นกำไร ส่วนกลุ่มโลจิสติกส์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง และและกลุ่มสื่อโฆษณา ยังเติบโตดีต่อเนื่อง ในทางกลับกัน กลุ่มโรงพยาบาลกลับมีกำไรลดลงอย่างชัดเจน ตามสถานการณ์โควิดที่คลายตัว และภาครัฐลดเงินอุดหนุน
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 3 คาดกำไรมีโอกาสลดลง QoQ ตามราคาพลังงานที่ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และผลกระทบจากปัจจัยกดดันที่ยังคงมีอยู่ ทั้งมาตรการควบคุมโควิดของทางการจีน ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน ยังกระทบเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลกระทบด้านต้นทุนต่อผู้ผลิตที่ยังมีอยู่จากราคาพลังงานยืนระดับสูง และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงตามอัตราเงินเฟ้อ และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ดังนั้น ภาพของหุ้นที่มีกำไรเด่นในไตรมาส 2 หลายกลุ่มจะเปลี่ยนไป อย่างกลุ่มพลังงาน แนวโน้มกำไรของผู้ผลิตน้ำมัน จะลดลงตามราคาที่ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และค่าการกลั่นที่ลดลง มี Stock Loss เกิดขึ้น ขณะที่ Supply น้ำมันเพิ่มขึ้น แต่จะส่งผลดีต่อกลุ่มปิโตรเคมี ที่ได้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ (Spread) เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันลดลง
ขณะที่หุ้นส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จะได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนลดลง เช่นเดียวกับกลุ่มไฟแนนซ์ และอสังหาริมทรัพย์ ที่เสียประโยชน์จากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จะส่งผลบวกต่อกลุ่มธนาคาร และประกัน
อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด ขานรับการไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 10 ล้านคน
ดังนั้น DAOL ปรับประมาณการกำไรตลาดโดยรวมปีนี้ลง 0.45% จากประมาณการเดิม มาอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาท แต่ยังโต 10.1% YoY อิงสมมติฐานราคาน้ำมันสิ้นปี Brent สูงเกิน 80 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้เป้าดัชนีฯ สิ้นปีปรับลดจาก 1,716 จุด เหลือ 1,708 จุด
เมื่อคัดเลือกหุ้นน่าลงทุน พิจารณาจากกลุ่มที่เด่น และพื้นฐานหุ้นที่ดี DAOL แนะนำหุ้น 5 ตัว ดังนี้
- BBL (ราคาเป้าหมาย 140 บาท) : หุ้นใหญ่กลุ่มธนาคารที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
- AOT (ราคาเป้าหมาย 74 บาท) : ปรับประมาณการนักท่องเที่ยวขึ้นที่ 10 ล้านคนในสิ้นปีนี้ ทำให้ AOT จะฟื้นเร็วขึ้น
- ASIAN (ราคาเป้าหมาย 74 บาท) : ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตสูง เข้าสู่ High Season ในไตรมาส 3 หนุนด้วยต้นทุนการผลิตลดลง
- SMT (ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท) : ผู้บริหารปรับเป้ารายได้ขึ้นสู่ระดับมากกว่า 3 พันล้านบาท (+37%YoY) มาร์จิ้นเฉลี่ยสูงขึ้น
- BRI (ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท) : เปิดโครงการใหม่ 10 แห่ง ในครึ่งปีหลัง ยอดรอโอนแน่น แนวโน้มรายได้ปีนี้โตก้าวกระโดด