RATCH ทุ่ม 605 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซื้อพอร์ตโรงไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงาน เพิ่มกำลังการผลิตปีนี้เป็น 7,842 MW

1804 จำนวนผู้เข้าชม  | 

RATCH ทุ่ม 605 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซื้อพอร์ตโรงไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงาน เพิ่มกำลังการผลิตปีนี้เป็น 7,842 MW

บมจ. ราช กรุ๊ป (RATCH) ประกาศความสำเร็จในการลงนามสัญญาเพื่อเข้าซื้อโรงไฟฟ้า 24 โครงการ มูลค่าการลงทุน 605 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 21,470 ล้านบาท ผ่าน บริษัท อาร์เอช อินเตอร์เนชั่นแนล สิงคโปร์ คอร์ปอเรชั่น (RHIS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของบริษัทฯ ร่วมกับกลุ่มบริษัทในเครือของ Denham Capital Management LP (Denham) และ Nexif Energy Management Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Nexif Pte. Ltd. (Nexif) เพื่อเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Nexif Energy Holdings B.V. และ NXF Holdings 2 Limited

โดยทั้ง 2 บริษัทเป็นผู้ถือสินทรัพย์โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โรงไฟฟ้ากังหันก๊าซ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม และระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ ตั้งอยู่ในประเทศไทย ออสเตรเลีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ มีทั้งโครงการที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว และอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง หรืออยู่ในขั้นตอนการพัฒนา รวมทั้งหมด 24 โครงการ

โอกาสนี้ บริษัทฯ และเน็กส์ซิฟ ยังตกลงที่จะร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (JV) เพื่อร่วมกันบริหารสินทรัพย์ประเภทโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และต่อยอดขยายการลงทุนโครงการใหม่ในอนาคตด้วย

นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ RATCH เปิดเผยว่า การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายการเติบโตของธุรกิจหลัก คือธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการเข้าลงทุนครั้งนี้ จะเร่งให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 10,000 เมกะวัตต์ (MW) ได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกัน ยังจะช่วยผลักดันกำลังการผลิตพลังงานทดแทนให้ถึงเป้าหมาย 25% ภายในปี 2568 เพราะพอร์ตการลงทุนครั้งนี้ เกือบทั้งหมดเป็นโครงการด้านพลังงานทดแทน ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้งบนบกและในทะเล รวม 12 แห่ง โครงการพลังงานน้ำ 3 แห่ง โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 3 แห่ง โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติอีก 2 แห่ง และยังมีโครงการพัฒนาระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่อีก 4 โครงการ 

การลงทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ รับรู้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 1,500 MW ในจำนวนนี้ 900 MW เป็นโครงการที่สร้างรายได้แล้ว และมีเป้าหมายการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในอีก 3 ปีข้างหน้า ที่สำคัญ ยังเปิดโอกาสให้บริษัทฯ สามารถก้าวเข้าสู่ธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจพลังงานทดแทน และมีฐานธุรกิจต่างประเทศ ครอบคลุมทั้งในออสเตรเลีย เวียดนาม รวมถึงเปิดฐานลงทุนใหม่ ในฟิลิปปินส์อีกด้วย

"หลังธุรกรรมครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์ บริษัทฯ จะรับรู้กำลังการผลิตเชิงพาณิชย์ที่สร้างรายได้ทันที 450 MW จากโครงการพลังงานลม และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ในออสเตรเลีย โครงการพลังงานน้ำในเวียดนาม และโรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ ราช เอ็นเนอร์จี ระยอง ซึ่งทั้ง 4 โครงการ บริษัทฯ ถือหุ้นทั้งหมด สำหรับโครงการที่เหลือ จะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ปี 2566-2570" กรรมการผู้จัดการใหญ๋ RATCH ชี้ประเด็น

ความสำเร็จของธุรกรรมข้างต้น ทำให้ RATCH จะรับรู้กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 1,500 MW ส่งผลให้กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ แล้ว สร้างรายได้เพิ่มเป็น 7,842 MW ขณะที่สัดส่วนกำลังการผลิตพลังงานทดแทนในพอร์ตรวม เพิ่มขึ้นเป็น 20% คิดเป็นกำลังการผลิตประมาณ 2,128 MW 

อนึ่ง Denham เป็นบริษัทลงทุนชั้นนำด้านธุรกิจพลังงาน ได้เข้ามาเป็นผู้ลงทุนหลักใน Nexif Energy ตั้งแต่ปี 2558 ส่วน Nexif เป็นบริษัทชั้นนำผู้พัฒนาโครงการ และดำเนินธุรกิจด้านพลังงานและสาธารณูปโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ผู้บริหาร RATCH ยังพูดถึงเงินลงทุนที่ใช้ในการทำธุรกรรมครั้งนี้ด้วยว่า ส่วนหนึ่งจะนำมาจากเงินทุนของบริษัทฯ และอีกส่วนหนึ่ีงมาจากเงินกู้สถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นอีกกลไกหนึ่งช่วยผลักดันให้บริษัทฯ สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมกับขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ด้วยเช่นกัน  

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้