ส่องหุ้นกลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี และ Tech ไทย ตัวไหนน่าเก็บเข้าพอร์ต

2016 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ส่องหุ้นกลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี และ Tech ไทย ตัวไหนน่าเก็บเข้าพอร์ต

การเปลี่ยนผ่านทุกภาคส่วนเข้าสู่ระบบดิจิทัลที่ชัดเจน (Digital Transformation) ในประเทศไทย ซึ่งต้องใช้เวลาขับเคลื่อนไม่ต่ำกว่า 3 ปี กลายเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดปริมาณงานในระบบจำนวนมาก พร้อมกับสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจให้กับหุ้นกลุ่มที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Technology Consultant Sector) เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะสามารถลงทุนเพื่อเก็บเกี่ยวดอกผลได้ในระยะกลาง ถึงยาว ที่สำคัญ ราคาหุ้นหลายตัวในกลุ่มนี้กลับไม่ผันผวนตามภาวะตลาดในเดือนสิงหาคมมากนัก

นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่เกื้อหนุนหุ้นกลุ่มนี้แล้ว หุ้นกลุ่มนี้หลายตัวกลับมี story ช่วยต่อยอดตามมา เมื่อหลายบริษัทฯ ทยอยประกาศแผนธุรกิจใหม่ ทันทีที่ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 2 เสร็จสิ้นทันที

บล.กสิกรไทย (KS) ซึ่งมีการวิเคราะห์หุ้นกลุ่มนี้ 3 บริษัท ประกอบด้วย บมจ. บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) บมจ. เบริล พลัส (BE8) และ บมจ. ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป (IIG) บอกว่า หุ้นกลุ่มนี้รายงานมีกำไรปกติงวดไตรมาส 2 ที่ 85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) 8% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) 35% โดยมีปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของ Digital Transformation ในประเทศไทย และรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการภาครัฐ โดย BBIK มีการเติบโตของกำไรแข็งแกร่งที่สุดในเชิง YoY ที่ 79% ส่วน BE8 มีการเติบโตของกำไรแข็งแกร่งที่สุดในเชิง QoQ ที่ 26% ขณะที่ IIG รายงานกำไรลดลง 14% QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ลดลง

สำหรับแผนธุรกิจใหม่ ทาง BBIK แจ้งว่า บริษัทฯ ได้ก่อตั้งบริษัท บลูบิค ไททันส์ เพื่อให้บริการดูแลป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ (cyber security consulting) และโซลูชั่นในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลดิจิทัล

ส่วน BE8 แจ้งว่า บริษัทฯ จะเข้าลงทุนในบริษัท เบย์ คอมพิวติ้ง (Baycoms) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้าน cyber securities ด้วยเงินลงทุนรวม 1.4 พันล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 200 ล้านบาท และการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 26.05 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 47.60 บาท 

ขณะที่ IIG แจ้งว่า บริษัทฯ จะเข้าลงทุนในสัดส่วน 51% ใน บริษัท แลนซิ่ง บิสสิเนส ซิสเต็มส์ (Lansing) ทำธุรกิจที่ปรึกษาและบริการด้านไอทีแบบครบวงจร คิดเป็นเงินลงทุนรวม 331.5 ล้านบาท ด้วยการขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 8.72 ล้านหุ้น พร้อมกับถือโอกาสนี้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 5 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ IIG-W1 ที่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมฟรี ในสัดส่วน 20 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิฯ (ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ มีอายุ 2 ปี มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ในสัดส่วน 1 ต่อ 1 ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 32.00 บาท) เพื่อใช้เป็นเงินทุนรองรับแผนขยายธุรกิจในระยะต่อไปด้วย

แผนขยายธุรกิจใหม่ของทั้ง 3 บริษัทฯ ทำให้ KS ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ 3 ปีนี้ (2565-67) ของ BBIK ขึ้น 20% 39% และ 56% ตามลำดับ เพื่อให้สะท้อนมูลค่าที่เกิดจากธุรกิจใหม่ ที่คาดว่าจะช่วยหนุนให้ BBIK มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 64% พร้อมให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 104.35 บาท และแนะนำ "ซื้อ"

ส่วน BE8 มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิ 3 ปีนี้ (2565-67) ขึ้น 2% 46% และ 48% ตามลำดับ เพื่อให้สะท้อนมูลค่าที่เกิดจากซื้อกิจการ X10 และ Baycoms ซึ่งจะช่วยหนุนให้ BE8 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 62% โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นการรวมงบการเงินของ X10 ในเดือนกันยายนนี้ และของ Baycoms ในปีหน้า และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปีหน้าขึ้นจาก 48.56 บาท เป็น 56.88 บาท แต่ลดคำแนะนำเป็น "ถือ” จาก upside ที่จำกัด

ส่วน IIG ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2566 และ 2567 ขึ้น 10% และ 9% เพื่อสะท้อนการลงทุนใน Lansing ซึ่งคาดจะเห็นการรวมงบการเงินในปีหน้าเป็นต้นไป โดยให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 49.35 บาท พร้อมแนะนำ "ซื้อ"   

เช่นเดียวกับโนมูระ พัฒนสิน (CNS) ที่มีการปรับประมาณการรายได้และกำไรของหุ้นทั้ง 3 ตัวนี้ เช่นกัน เพราะเชื่อมั่นว่า Digital Transformation เป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้หุ้นกลุ่มนี้มีโอกาสขยายธุรกิจได้สูงมาก ผลักดันให้แนวโน้มการเติบโตของรายได้และกำไรสามารถพุ่งทะยานตัวได้หลายเท่าตัว จึงมีความน่าสนใจในการลงทุนทั้งหมด พร้อมแนะนำ "ซื้อ” BE8, BBIK และ IIG โดยให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 88 บาท 106 บาท และ 55 บาท ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ดาโอ (DAOL) ให้ภาพที่กว้างขึ้นไป โดยจัดแบ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (Technology) ทั้งหมดในตลาดหุ้นไทยออกเป็น 6 กลุ่ม คือ กลุ่ม Block Chain, E-Payment กลุ่ม Electronic Vehicle กลุ่ม Software as Service & Consulting กลุ่ม Electronic Component and Hardware Tech กลุ่ม Cyber Security และกลุ่ม CT Infrastructure พร้อมจัดทำบทวิเคราะห์ข้อมูลหุ้นในกลุ่มนี้ สรุปสาระสำคัญได้ว่า ปัจจุบันมีรูปแบบที่แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มดังนี้ 

กลุ่มแรก หุ้น Technology ที่มีโอกาสเติบโตสูง และ P/E สูง ได้แก่ BBIK  (บริษัทมีงาน Consulting ที่มีมาร์จิ้นสูงจึงแนวโน้มกำไรเติบโตสูง) FORTH (มีธุรกิจ New S Curve และเป็นเจ้าของเทคโนโลยี) EA  (เป็นธุรกิจใน Mega Trend (EV) มีงานที่ต้องส่งมอบ) และ KCE (ยังเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิต) 

กลุ่มที่สอง หุ้น Technology ที่มีโอกาสเติบโตสู งแต่ P/E ยังต่ำ คือ SYNEX (มียอดขายมือถือเข้าช่วง High Season และการเบิกจ่ายงบ IT เพิ่ม)  SMT (มียอดขายเกินเป้า มี Order ใหม่จากสินค้ามาร์จิ้นสูง) และ AS (เตรียมเปิดตัวเกม Flagship ปลายปีและรายได้เริ่มฟื้น)

ดังนั้น หากจะลงทุนระยะกลางถึงยาว สามารถเลือกลงทุนในหุ้นทั้ง 2 กลุ่มข้างต้นได้ แต่ต้องพิจารณาเรื่องระดับราคาประกอบการตัดสินใจด้วย ซึ่งทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การซื้อแบบถัวเฉลี่ย (DCA) หรือทยอยสะสมเมื่อราคาหุ้นปรับฐานลงมา    

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้