1491 จำนวนผู้เข้าชม |
ดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Wholesale และรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ wealth ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า การยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดในกระบวนการทำธุรกิจของลูกค้าเป็นสิ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับลูกค้า และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว
สำหรับแพลตฟอร์ม B2P (Blockchain for Procure-to-Pay) เป็นแพลตฟอร์มบล็อคเชนรายแรกและรายเดียวที่ปฏิวัติระบบจัดซื้อจัดจ้างและการชำระเงินคู่ค้าที่มีในประเทศไทย โดยธนาคารไทยพาณิชย์ และ ดิจิทัล เวนเจอร์ส ได้ร่วมกันพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ในการทำงานของลูกค้าแต่ละรายในแต่ละอุตสาหกรรมได้อย่างดีที่สุด เพราะธนาคารได้ผนวกแนวคิดการเงินอย่างยั่งยืน (Sustainable Finance) ด้วยบริการ SCB Supply Chain Financing เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการบนระบบ B2P มีความยืดหยุ่นในการจัดการเงินหมุนเวียนภายในกิจการ ก่อนถึงวันครบกำหนดรับเงินโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ช่วยยกระดับการทำธุรกิจขององค์กร ก่อนขยายวงไปครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมในที่สุด
ส่วนนายอรพงศ์ เทียนเงิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิจิทัล เวนเจอร์ส อธิบายเพิ่มเติมถึงแพลตฟอร์ม B2P ว่า ได้รับการพัฒนาให้สามารถปรับใช้ได้กับระบบเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย อย่างกรณีของ AWC ลักษณะงานจัดซื้อจัดจ้างที่ซับซ้อนเฉพาะตัว และมีซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ทำให้การออกแบบ B2P จะมุ่งเน้นด้านการลดความยุ่งยากในการจัดการงานเอกสารให้สะดวกรวดเร็ว โปร่งใส รองรับงานจัดซื้อจัดจ้างให้กับ คู่ค้าของ AWC ทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคล หรือบุคคลธรรมดา ด้วยระบบการจ่ายเงินที่ หลากหลาย สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กร (ERP) เพื่อให้ซัพพลายเออร์ขึ้นระบบได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ขณะที่ระบบ SCB Business Net ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลแบงก์กิ้งสำหรับลูกค้าธุรกิจของธนาคาร ทำให้กระบวนการชำระเงิน และการขอสินเชื่อของคู่ค้า สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างไร้รอยต่อ ทั้งยังเป็นที่ยอมรับแล้วว่า สามารถประหยัดเวลาและการใช้ทรัพยากรได้จริงกว่า 50% ตั้งแต่ปีแรกที่ใช้งาน
โอกาสนี้ นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) บอกว่า การนำเอาแพลตฟอร์ม B2P เข้ามาใช้ในงานจัดซื้อจัดจ้าง และการชำระเงินคู่ค้า ช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย โปร่งใส แม่นยำ และยังลดระยะเวลาในการตรวจสอบ สามารถเติมเต็มความเชื่อมั่นให้กับทั้งคู่ค้า และพันธมิตรของ AWC และต่อยอดไปถึงอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้สามารถเติบโตก้าวกระโดดร่วมกันทั้งซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิผล ในเวลาที่รวดเร็ว ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาศักยภาพภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยสู่ยุคดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม
"ความร่วมมือกับเครือ SCB ครั้งนี้ น่าจะช่วยส่งต่อศักยภาพคุณค่าองค์รวม เสริมสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งตลอดห่วงโซ่คุณค่า และช่วยต่อยอดให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยรวมในที่สุด” ซีอีโอสาวคนเก่ง ชี้ประเด็น
ปัจจุบัน B2P เป็นที่ยอมรับจากองค์กรธุรกิจชั้นนำในประเทศไทย ด้วยจำนวนเครือข่ายซัพพลายเชนลงทะเบียนเข้าใช้ระบบแล้วรวมกว่า 20,000 ราย