2180 จำนวนผู้เข้าชม |
การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บมจ. เจริญอุตสาหกรรม (CH) ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองทั้งวัน
โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 3.42 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 2.34 บาท ถึง 1.08 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 46.5% เริ่มมีแรงซื้อกระจายตัวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดันราคาให้ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ กระทั่งแตะจุดสูงสุดในรอบวันที่ 5 บาท จากนั้น เริ่มมีแรงขายทำกำไรโถมออกมาเป็นระยะๆ กดให้ราคาอ่อนตัวลงมา แต่ไม่หลุด 4.50 บาท กระทั่งปลายตลาด เริ่มมีแรงขายโถมออกมา กดราคาลงมาต่ำกว่า 4 บาท ก่อนจะมีแรงไล่ราคากลับขึ้นมาปิดที่ 4.14 บาท เกินจอง 1.80 บาท ให้ผลตอบแทนเกือบ 77%
โอกาสนี้ นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CH เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ การคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ (Healthy Food) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายเองและรับจ้างการผลิต ทั้งเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพื่อขยายฐานการผลิตรวมถึงขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน INNOVATIVE HEALTHY FOOD ต่อไปในอนาคต เพราะการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจให้สูงขึ้น เพิ่มความน่าเชื่อถือให้คู่ค้าทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น สนับสนุนให้เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้เป็นไปได้จริง ภายในเวลาที่รวดเร็วขึ้น
"ผมในฐานะตัวแทนของบริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยทีมผู้บริหารและพนักงานพร้อมจะเดินหน้าทำงานด้วยความมุ่งมั่นเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นคง ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น” นายศักดา ให้คำมั่น
ขณะที่นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การที่ราคาหุ้นวันแรกของ CH ยืนเหนือราคาจอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบริษัทฯ เพราะบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนครั้งนี้ไปปรับปรุงโรงงานผลิตสินค้า และก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม ที่โรงงานท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 86 ล้านบาท ในช่วงปี 2566 -2567 เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บ (Raw Material) สินค้ากึ่งสำเร็จรูป และสินค้าสำเร็จรูป รองรับการขยายฐานการผลิต และขับเคลื่อนการขยายตัวทางธุรกิจในระยะกลางถึงยาว ส่วนเงินที่เหลืออีก 268 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ส่วนนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน CH เสริมว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการนำบริษัทคุณภาพเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้นักลงทุนสามารถร่วมเป็นผู้ถือหุ้นและเติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ ที่มีการคิดค้น และพัฒนาสินค้าด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ๆได้ตรงความต้องการของลูกค้า และกระแสการเปลี่ยนแปลงของตลาดอยู่เสมอ จนกลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น เกือบครบ 1 ทศวรรษ
"CH ถือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง จากความเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลไม้ และอาหารแปรรูป ยาวนานเกือบทศวรรษ ทำให้ CH ได้รับการยอมรับจากคู่ค้าต่างประเทศกว่า 50 ประเทศ แม้แต่ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกระดับโลก อย่างวอลล์มาร์ท เทรเดอร์ โจส์ รวมถึงความเป็นผู้นำในตลาดส่งออกผลไม้อบแห้งอันดับ 4 ของประเทศ และยังมีการเตรียมพร้อมเพื่อขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศล่วงหน้า จึงคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง” ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้บริหาร FSS ช่วยกันสรุปประเด็น
และบทพิสูจน์ความเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่มีต่อหุ้น ผ่านระดับราคาหุ้น CH ที่สามารถไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ทำจุดสูงสุดที่ 5.75 บาท ก่อนปิดทำการในวันพุธที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา บริเวณ 5.60 บาท