2299 จำนวนผู้เข้าชม |
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจัดงานสัมมนาเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แบบเจาะลึกแก่ผู้ประกอบการ SMEs พร้อมเปิดกลยุทธ์การบริหารธุรกิจในยุคหลังโควิด เพื่อยกระดับให้เป็น Smart SMEs จาก 2 ธนาคาร คือ บมจ. ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (TTB) ที่จัดสัมมนาหัวข้อ "เจาะลึกสูตรสำเร็จการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าสู่การเป็น Smart SME ยุค Next Normal (ttb SME I the X-Change" และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่จัดสัมมนาหัวข้อ "อนาคต SMEs ไทยไปต่ออย่างไรดี (SME Of The Future)"
ซึ่งงานสัมมนาทั้ง 2 หัวข้อนี้ มีการแนะแนวทางรับมือปัจจัยเสี่ยงและความท้าทายในแง่มุมต่างๆ พร้อมกลยุทธ์ในการปรับตัวของ SMEs สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
นางแคทรีน อมตวิวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัท เฮด วัน ฮันเดรด ให้เคล็ดลับสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดว่า จำเป็นต้องปรับการบริหารธุรกิจด้วยมุมมองใหม่ ได้แก่
ส่วนนางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) ถ่ายทอดประสบการณ์จากจุดเริ่มต้นของบริษัทฯ ที่เป็นแค่ธุรกิจ SME ที่จำหน่ายสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยว และต่อมา เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มน้ำผลไม้ที่ใช้นวัตกรรม ทำให้สินค้ามีความโดดเด่นและแตกต่างจากท้องตลาด พร้อมรุกขยายตลาดต่างประเทศ ด้วยการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน
ผ่านมาถึงวันนี้ SAPPE มีสินค้ามากกว่า 10 แบรนด์ จาก 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์ วางจำหน่ายใน 98 ประเทศทั่วโลก ซึ่งความสำเร็จส่วนหนึ่งเกิดจากบริษัทฯ กำหนดโมเดลธุรกิจที่เหมาะกับประเทศนั้นๆ ควบคู่ไปกับการสร้าง Brand Awareness และกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน นอกจากนี้ ยังต้องให้ความสำคัญกับการปิดความเสี่ยงของค่าเงินที่มีความผันผวน เนื่องจากมีรายรับหลายสกุลเงิน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของธุรกิจด้วย
ขณะเดียวกัน นายพรวิช ศิลาอ่อน ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์ การค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) แนะให้ SMEs ปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาด มองตลาดใหม่ที่เฉพาะเจาะจง เข้าสู่ช่องทางออนไลน์ให้มากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่สอดรับกับแนวทาง Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG Model ตามเทรนด์ของโลก
ซี่ง DITP พร้อมให้คำแนะนำผ่าน Market Intelligence Tools ด้านต่าง ๆ รวมถึงยังมีการสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้แก่ SMEs ในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ และกิจกรรมขยายตลาดในต่างประเทศ ผ่านโครงการ SMEs Pro-active Program เพื่อเปิดโอกาสให้นำสินค้าเข้าไปทำตลาดได้มากขึ้น และเป็นการสร้างความมั่นใจว่า ผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการจะได้พบกับคู่ค้าตัวจริงที่มีศักยภาพ และผ่านการคัดกรองแล้วอย่างดี
เช่นเดียวกัน ดร. สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่แนะให้ขยายตลาดกลุ่มอาเซียน เพราะได้ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกไม่มาก จากขนาดของกำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้ อีกทั้งแนวทางเพิ่มอัตราการค้าร่วมกันระหว่างอาเซียนยังจะช่วยลดผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ดี สำหรับคำแนะนำในการปรับตัวรับมือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง SMEs ต้องให้ความสำคัญกับ 3 ประเด็นเหล่านี้ คือ
1. การรักษาระดับการเติบโตและบริหารความเสี่ยงธุรกิจ ด้วยการลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น เน้นปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและบริหารวัตถุดิบ เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจให้ปรับตัวรับวิกฤตได้อย่างรวดเร็ว ดูแล balance sheet โดยลดสินค้าคงคลัง ลดหนี้ และดูแลความเสี่ยงให้ครอบคลุมทุกด้าน ได้แก่ การ Hedging เพื่อลดความผันผวนของราคาวัตถุดิบ และสร้างความมั่นคงและความยืดหยุ่นของซัพพลายเชนผ่านการบริหารความเสี่ยงของคู่ค้า รวมถึงการบริหารสินค้าคงคลัง
2. การยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ด้วยการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลให้เข้าใจถึงความต้องการลูกค้า การนำเสนอสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคในรูปแบบใหม่ๆ และการสร้าง Customer journey เพื่อช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกดิจิทัลได้เร็วขึ้น
3. การทรานส์ฟอร์มธุรกิจให้หลากหลายและลงทุนธุรกิจแห่งอนาคต โดยปรับโมเดลธุรกิจให้สอดคล้องกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค และสอดรับกับสภาวะตลาด หันไปลงทุนในธุรกิจด้านอื่นๆ เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากช่องทางเดียว การลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและการบริหารจัดการ การลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน จัดทำแผน retain และ reskill พนักงานให้สอดรับกับการเข้ามาของเทคโนโลยีและเทรนด์ใหม่ๆ และมองหาโอกาสในการควบรวมธุรกิจ
สำหรับผู้สนใจ สามารถรับชมสัมมนาออนไลน์ ttb SME I the X-Change ย้อนหลังได้ที่ https://youtu.be/43p1IPCaQWc