SCN เชื่อยอดขายก๊าซ การขายไฟฟ้าเพิ่ม 50 MW และแผนลงทุนใหม่ ต่อยอดผลงานปีนี้โตก้าวกระโดด

หลังจาก บมจ. สแกน อินเตอร์ (SCN) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 มีกำไร 34.6 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 112.2% และมีผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิ 303.1 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน ถึง 668.3%

ล่าสุด ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออกมาชี้แจงสาเหตุที่ทำให้ผลดำเนินงานครึ่งปีแรกเติบโตก้าวกระโดดว่า เกิดจากการที่ยอดขายก๊าซธรรมชาติเติบโตโดดเด่น ทั้ง NGV และ iCNG ขานรับความสำเร็จจากการร่วมทุนกับบริษัท ชิซูโอกะ ก๊าซ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เพิ่มยอดผลิตได้มากถึงวันละ 5,000 MMBTU จากที่ทำได้วันละ 500 MMBTU ประกอบกับการที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ทำให้มีการหันมาใช้ iCNG เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ และคาดว่าจะยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอีกในครึ่งปีหลัง หลักๆ จากลูกค้าใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตมาเป็น iCNG เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจญี่ปุ่นที่เข้ามาประกอบธุรกิจในไทย

สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งโครงการ Solar Roof สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แบบ Private PPA เพิ่มอีก 3 โครงการ รวมเป็น 21 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 12 เมกะวัตต์ (MW) และน่าจะรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น จากกำลังการผลิตในมือรวม 19 MW เช่นเดียวกับโครงการโรงไฟฟ้ามินบู ในเมียนมาร์ ที่ลงทุนผ่านบริษัทร่วม Green Earth Power (GEP) ที่คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการผลิตไฟฟ้าเพิ่มจาก 50 MW เป็น 100 MW ในปลายปีนี้ ผลักดันรายได้ให้กับบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน การเริ่มต้นธุรกิจใหม่ช่วงต้นปี ด้วยการเข้าไปลงทุนในบริษัทพืชเภสัชกรรม (Pharmaceutical Plant) ด้วยการถือหุ้น 41% เพื่อปลูกกัญชงแบบอินดอร์ ซึ่งเป็น Medical Grade สามารถผลิตกัญชาตามมาตรฐานที่กำหนดได้เดือนละ 200 กิโลกรัม และในอนาคตพร้อมเดินหน้าทำสัญญาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติม

ส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์และอะไหล่ ที่บริษัทฯ ร่วมมือกับ บมจ. ช. ทวี (CHO) ขายรถเมล์ NGV ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เมื่อ 3-4 ปีก่อนหน้านี้ ปัจจุบันมีอัตราการซ่อมบำรุงลดลงเหลือเพียง 3% แต่ยอดขายอะไหล่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้มีกำไรมากขึ้น 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCN ยังทิ้งท้ายด้วยว่า เพื่อผลักดันการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว บริษัทฯ พร้อมขยายการลงทุน ทั้งในรูปแบบการซื้อกิจการ (M&A) และร่วมลงทุน (JV) ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เน้นไปที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิมของบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนอย่างน้อย 1 ราย จากที่มีการเจรจา 5 ราย ภายในครึ่งหลังปีนี้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีคืนกลับผู้ถือหุ้น ผ่านทางเงินปันผล และผลกำไรสะสมทีมีอยู่กว่า 608 ล้านบาท