24CS เคาะราคาขาย IPO ที่ 3.40 บาท เปิดจองซื้อ 23-27 ก.ย. ก่อนเข้าซื้อขายวันแรก 3 ต.ค.นี้

นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ 3 บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย (UOBKH) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. ทเวนตี้ โฟร์ คอน แอนด์ ซัพพลาย (24CS) ผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ระบบปรับอากาศ และรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3.40 บาท ระหว่างวันที่ 23--27 กันยายนนี้ ผ่านบริษัทฯ และผู้จัดหน่ายแต่ไม่รับประกันการจำหน่ายอีก 3 ราย คือ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ (AWS) บมจ. หลักทรัพย์ พาย (PI) และ บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซียไซรัส (FSS) ซึ่งคาดว่า จะพร้อมเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 3 ตุลาคมนี้

ด้านนายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AWS ให้เหตุผลในการตั้งราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 3.40 บาท เทียบกับราคาพาร์ที่ 55 สตางค์ ว่า พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ซึ่งคำนวณจากผลดำเนินงานย้อนหลังช่วง 1 ปีล่าสุด นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายนปีนี้ ซึ่ง 24CS มีกำไรสุทธิ 29.14 ล้านบาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 7 สตางค์ คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น 48.75 เท่า ซึ่งถือว่ามีส่วนลดพอสมควร จากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเฉลี่ยของกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน นอกจากนี้ การคำนวณ P/E ข้างต้น ยังไม่ได้พิจารณาถึงผลดำเนินงานในอนาคตจากงานในมือ (Backlog) มูลค่า 1,168 ล้านบาท และยังไม่รวมโอกาสได้งานเพิ่มเติมจากการเข้าร่วมประมูลงานระหว่างปี

ทั้งนี้ 24CS มีจุดเด่นตรงการเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์ระบบปรับอากาศ และรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีฐานลูกค้ากระจายในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก (Main Contractor) ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ อาทิ งานระบบรถไฟฟ้า โรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้า อาคารสำนักงาน หรือสิ่งปลูกสร้างบริเวณท่าอากาศยาน และยังมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ทั้งการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ขีดความสามารถในการรับงานเอกชน ไม่ว่าจะเป็นงานอาคารหรืองานโรงงาน จากเงินทุนหมุนเวียนที่สูงขึ้นภายหลังเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน แนวโน้มต้นทุนก่อสร้างที่ลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และน่าจะได้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด ช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น  

ขณะที่นายยศวีย์ วัฒนธีระกิจจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 24CS กล่าวเสริมว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยให้บริษัทฯ มีเงินทุนที่ได้จากการระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง 422 ล้านบาท ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับงานที่สเกลใหญ่ขึ้น ทั้งด้านจำนวนโครงการและมูลค่าโครงการ เพื่อสร้างโอกาสเข้าประมูลงานโครงการที่ทยอยออกมาเพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะนำจุดเด่นด้านความเชี่ยวชาญงานระบบปรับอากาศและระบายอากาศ ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องมาต่อยอดการเติบโต มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์และให้บริการรับเหมางานก่อสร้าง ขณะเดียวกัน พร้อมรุกงานติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบการอาคารทุกระบบอย่างครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งมอบงานที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ภายในระยะเวลาที่ได้ตกลงร่วมกัน

สำหรับผลดำเนินงานของ 24CS ช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 406.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123.67% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 11.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 433.94% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 11.93% และอัตรากำไรสุทธิ 2.93% ซึ่งการเติบโตของกำไรสุทธิมีสาเหตุจากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2564 อันเป็นผลโดยตรงจากการที่บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 25 ล้านบาท เป็น 150 ล้านบาท ทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเพียงพอต่อการรับงานก่อสร้างในมูลค่าโครงการที่ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับในอดีต ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัทฯ 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความได้เปรียบจากจุดแข็งที่บริษัทมีธุรกิจต้นน้ำ คือการเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบปรับอากาศ ทำให้สามารถจัดหาต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างได้ถูกกว่าคู่แข่งที่เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายอื่น