1908 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจากนายเพชร นันทวิสัย ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) ออกมาเปิดเผยแนวโน้มธุรกิจงวดไตรมาส 3 ว่า มีทิศทางสดใสกว่าครึ่งปีแรก เพราะมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ทั้งราคาเนื้อสัตว์ที่ยังยืนระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นสุกร หรือไก่ และความต้องการบริโภคที่ยังเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาทเพิ่มมูลค่าการส่งออก เสริมด้วยรายได้จากการกระจายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ให้กับลูกค้าโดยตรง ผ่านร้านค้าปลีก "Thai Food Fresh Market" ที่เร่งตัวตามการขยายสาขาเพิ่มเป็น 177 สาขา และพร้อมขยายสาขาอย่างต่อเนื่องจนครบ 200-220 สาขา ภายในสิ้นปีนี้
โอกาสนี้ ผู้บริหาร TFG ยังพูดถึงแนวโน้มธุรกิจทั้งปีด้วยว่า น่าจะเห็นการเติบโตของรายได้จากปีก่อน ในอัตรา 20-25% รับการคลายตัวของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ยิ่งราคาขายสุกรและไก่ยังยืนระดับสูง ขณะที่ยอดขายสุกรและไก่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในไทยและเวียดนาม โดยคาดว่ายอดขายไก่จะเติบโต 10% ส่วนยอดขายสุกรน่าจะเติบโต 20-30% เทียบกับปีที่แล้ว สวนทางราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ และต้นทุนค่าขนส่งที่ทยอยปรับลดลง ช่วยผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การที่บริษัทฯ เป็น Net Exporter ทำให้เมื่อเงินบาทอ่อนค่ามากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จึงทำให้บริษัทฯ ได้รับผลดีตามไปด้วย
การเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่อง และราคาเนื้อสัตว์ที่ยังคงทรงตัวระดับสูง เป็นประเด็นหลักที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์มีมุมมองบวกต่อแนวโน้มธุรกิจของ TFG เช่นเดียวกัน
พาย (PI) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรช่วง 3 ปีนี้ (2565-67) ขึ้น 106% 83% และ 79% ตามลำดับ เพื่อให้สะท้อนภาพรวมที่ดีขึ้นจากราคาเนื้อสัตว์ และส่วนแบ่งในธุรกิจอื่นที่ดีกว่าคาด ตามการปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้ช่วง 3 ปีนี้ ขึ้้น 14% 11% และ 9% เพื่อให้สะท้อนราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ และยอดขายที่สูงขึ้น จากภาวะอุปทานตึงตัว รวมถึงส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้นรับการขยายสาขาร้าน Thai Food Fresh Market อย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีนี้ จาก 220 สาขา เป็น 380 สาขา และ 400 สาขา ตามลำดับ ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้สูงระดับ 20.2% ก่อนอ่อนตัวลงเหลือราว 19% ในปี 2566-67 จากฐานกำไรที่สูงในครึ่งหลังปีนี้
การปรับประมาณการกำไร ทำให้มีการปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานของ TFG ขึ้น 42% เป็น 8.50 บาท อิง P/E ปีหน้า ที่ 10 เท่า ตามไปด้วย และแนะนำ “ซื้อ” เพราะราคาหุ้นมีส่วนลด 12% จากค่าเฉลี่ยของกลุ่ม (อ้างอิง CPF, GFPT, TU) ที่ 11.3 เท่า
ส่วนบัวหลวง (BLS) มีมุมมองว่าวงจรราคาสุกรขาขึ้นในไทยรอบนี้น่าจะยืนยาวไปจนถึงช่วงกลางปีหน้า ก่อนเริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อยในครึ่งหลังปีหน้า ส่วนวงจรราคาไก่ขาขึ้นน่าจะดีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี หนุนให้กำไรปีนี้น่าจะเติบโตก้าวกระโดด โดยครึ่งปีหลังคาดจะเห็นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดวอลุ่มไก่ส่งออกในไตรมาส 3 (รวมไก่สดแช่แข็งและไก่ปรุงสุก) ของ TFG จะอยู่ที่ 2.4 หมื่นตัน เพิ่มขึ้น 8% QoQ ขณะที่ราคาส่งออกเฉลี่ยไตรมาส 3 น่าจะเพิ่มขึ้นอีก 7-8% QoQ และน่าจะเติบโตได้ตามเป้าที่ผู้บริหารคาดยอดขายเติบโตปีนี้ 20-25% โดยปัจจัยหนุนการเติบโตของยอดขายปีนี้ จะมาจากวอลุ่มขายที่เพิ่มขึ้น (วอลุ่มไก่ที่คาดว่าจะเพิ่ม 10% และวอลุ่มหมูที่คาดว่าจะเพิ่ม 20-30%) หนุนด้วยการขยายสาขาร้าน Thai Food Fresh Market (เพิ่มขึ้นเป็น 220 สาขา สิ้นปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีก 160-180 สาขา เป็น 380-400 สาขา ในสิ้นปีหน้า) ซึ่งคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในครึ่งหลังปีนี้
กำไรปีนี้ที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ก่อนเติบโตปีหน้าในระดับ 10-15% และมูลค่าหุ้นที่ยังคงถูกมาก โดยราคาหุ้นล่าสุดซื้อขายที่ PER ปีนี้เพียง 8 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 19 เท่า จึงยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 10.58 บาท