SCB CIO แนะถือเงินสดหรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ 5 -15% และหุ้นกู้ ลดเสี่ยงตลาดการเงินโลกผันผวน

2028 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SCB CIO แนะถือเงินสดหรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ 5 -15% และหุ้นกู้ ลดเสี่ยงตลาดการเงินโลกผันผวน

การที่อัตราดอกเบี้ยยังเป็นช่วงขาขึ้นต่อเนื่องช่วง 2 ปีนี้ จากอัตราเงินเฟ้อที่ยืนระดับสูงและชะลอตัวค่อนข้างช้า เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาพลังงานและอาหารสดลดลงค่อนข้างช้า จากปัจจัยอุปทานที่ยังโตไม่ทันปัจจัยอุปสงค์ ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย (Recession) สูงมากขึ้น

โดยเฉพาะกลุ่มประเทศในยุโรป ที่ต้องเผชิญกับวิกฤตพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยแบบเร็วและแรง เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อและเงินยูโรที่อ่อนค่า ส่วนความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่ แม้ตลาดแรงงานและงบดุลของภาคเอกชนยังคงแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับช่วงเริ่มต้นก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครั้งที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ จะไม่รุนแรง (Mild Recession)   

ด้านประเทศในแถบอาเซียน โอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยมีโอกาสไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับยุโรปและสหรัฐฯ เนื่องจากอานิสงค์การเปิดเมืองเปิดประเทศ และการขยับขึ้นดอกเบี้ยส่วนใหญ่เป็นไปในลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป  

ดังนั้น แรงกดดันจากปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ภาพของตลาดการเงินโลกที่ยังมีโอกาสผันผวนได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ ดร. กำพล  อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO ) ธนาคารไทยพาณิชย์ แนะแนวทางบริหารเงินให้สอดรับกับสถานการณ์ ด้วยการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ดังนี้

- ทยอยสะสมหุ้นกู้คุณภาพดี เพื่อหลีกเลี่ยงการเร่งตัวของ spread ดอกเบี้ยในช่วงความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยสูงขึ้น เพื่อสร้างกระแสเงินสดในพอร์ต
- ทยอยสะสมหุ้นบริษัทที่มีการเติบโตยั่งยืนและอัตรากำไรสูง ในประเทศที่ได้อานิสงค์จากการเปิดประเทศ และการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานของโลก อย่างหุ้นไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย หรือประเทศที่มีการเติบโตของค่าจ้างแรงงาน เช่น สหรัฐฯ  โดยควรเริ่มทยอยสะสมหุ้นหลัง Fed ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยช้าลง
- แบ่งเงินลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมัน ในสัดส่วน 5% ของพอร์ต เพื่อบริหารความเสี่ยงจากเงินเฟ้อสูงที่ยืดเยี้อ
- ถือเงินสดหรือผลิตภัณฑ์ความเสี่ยงต่ำ (คุ้มครองเงินต้น) ในสัดส่วน 5-15% ของพอร์ต

สำหรับลูกค้ารายใหญ่พิเศษ (กลุ่ม HNW และ UHNW) อาจลดความผันผวนของพอร์ตด้วยสินทรัพย์ทางเลือก อย่าง KIKO หรือ Private Assets

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้