ชี้ประเด็นลงทุน SAWAD อยู่ที่ราคาหุ้นปรับฐานแรง ส่วนแผนรับมือการลดดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ภาพยังไม่ชัด

การที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พร้อมปรับลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อลงมา โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ลงมาเหลือไม่เกิน 23% รถยนต์ใหม่ไม่เกิน 10% และรถยนต์มือสองไม่เกิน 15% มีผลบังคับใช้ต้นปีหน้า

ล่าสุด ผู้บริหาร บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ได้จัดการประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์นัดพิเศษ เพื่ออธิบายแผนรับมือกับเกณฑ์ใหม่ โดยระบุว่า ในเบื้องต้น บริษัทฯ มีแผนรับมือ 3 ด้าน ประการแรก เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นเพื่อลดปัญหาหนี้เสีย ประการที่สอง ลดค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน โดยเฉพาะการลดค่าคอมมิชชั่น และ incentive ที่จ่ายให้กับพนักงาน และดีลเลอร์ เพื่อให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (Cost to Income ratio) ลดลงจากระดับปัจจุบันที่ 30-40% ลงมาเหลือ 20-30% และประการสุดท้าย เพิ่มรายได้อื่น โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ พร้อมทั้งให้ความเห็นด้วยว่า เกณฑ์ใหม่ที่จะเริ่มต้นใช้ปีหน้านี้ จะทำให้คู่แข่งรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้ยาก ขณะที่คู่แข่งรายเล็กๆ อาจแข่งขันไม่ได้จนต้องออกจากธุรกิจไป สร้างโอกาสให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น เกิดความประหยัดต่อขนาด ผลักดันให้อัตรากำไรสูงขึ้นตามมา  

อย่างไรก็ตาม ในมุมมองนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ จะปรับลดประมาณการรายได้และกำไรปีหน้า และปีถัดไปลงมา แต่คงแนะนำ ซื้อ จากการปรับฐานของราคาหุ้นในช่วงก่อนหน้านี้ หนุนให้ upside เปิดกว้าง

กสิกรไทย (KS) เห็นด้วยกับผู้บริหารที่เชื่อว่า SAWAD จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ หลังจากเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อถูกปรับลดลง อย่างไรก็ตาม การลดเงินสนับสนุนให้กับพนักงาน และดีลเลอร์ น่าจะทำให้การแข่งขันในกลุ่มผู้เล่นรายใหญ่ดุเดือดเพิ่มขึ้น ในเบื้องต้น ยังคงประมาณการกำไรปี 2565-67 ไว้ที่ 4.4 พันล้านบาท 5.1 พันล้านบาท และ 5.8 พันล้านบาท ตามเดิม เพราะให้น้ำหนักกับการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งขึ้น จะช่วยชดเชยส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่อ่อนตัวลงได้บางส่วนในปีหน้า ทำให้ยังคงราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 55 บาท ตามเดิม พร้อมแนะนำ "ซื้อ" จากการที่ราคาหุ้นปรับฐานลงกว่า 10% ได้สะท้อนความกังวลต่อเกณฑ์เพดานดอกเบี้ยสินเชื่อใหม่ไปแล้ว

ส่วนเมย์แบงก์ (MST) คาดว่า ผลกระทบด้านลบจากรายได้ดอกเบี้ยที่ลดลงจะมีมากกว่าผลบวกจากการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพราะ SAWAD มีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์สูงถึง 23% ของพอร์ตทั้งหมด และยังคิดดอกเบี้ยสูงกว่าคู่แข่ง และเนื่องจากค่าคอมมิชชั่นของ SAWAD อยู่ที่10-12% ของรายได้ดอกเบี้ย เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 8% ทำให้ปรับลดคาดการณ์กำไร 2 ปีข้างหน้าลง 4-7% เพื่อให้สะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวและ NIM ที่ลดลง ส่งผลให้ลดราคาเป้าหมายลงมาจากเดิมที่ให้ไว้ 58 บาท เหลือ 52 บาท แต่เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จาก "ถือ” หลังจากราคาหุ้นมี upside สูงถึง 21%  

เช่นเดียวกับ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LHS) ที่คาดว่า หลังเกณฑ์คิดดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อแบบใหม่มีผลบังคับใช้ จะทำให้ธุรกิจไฟแนนซ์รายเล็กไม่รอด หนุนให้ SAWAD สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และขึ้นแท่นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจเช่าซื้อมอเตอร์ไซต์ใหม่ เบื้องต้นประมาณการกำไรปีนี้ยังคงไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังคงคาดการณ์กำไร และราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 64 บาท ตามเดิม โดยพร้อมประเมินแนวโน้มรายได้และกำไรใหม่ หลังเห็นภาพที่ชัดเจน ซึ่งการที่ราคาหุ้นปรับลงมากช่วงก่อนหน้านี้ น่าจะสะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปหมดแล้ว ทำให้มี upside เปิดกว้างถึง 49% ถือเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุนข้ามปี

ขณะที่ไพ (PI) ระบุว่า ประเมินผลกระทบจากการลดเพดานดอกเบี้ยค่อนข้างยากในระยะสั้น กอปรกับยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนถึงแผนธุรกิจในการลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ดี เห็นด้วยกับผู้บริหารในประเด็นที่คาดว่าผู้เล่นรายใหญ่จะเป็นผู้อยู่รอดในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว ทำให้มีความเห็นว่า น่าจะเห็นราคาหุ้น SAWAD ผันผวนในระยะสั้น จนกว่าบริษัทฯ จะพิสูจน์ให้เห็นว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นมีอย่างจำกัด และสามารถช่วยสร้างการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะกลาง ถึงยาว แต่คงแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปีหน้า 60 บาท เพราะราคาหุ้นล่าสุดซื้อขายที่ P/E ประมาณ 13.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 21.7 เท่า

สำหรับผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ 12 ราย ตาม Bloomberg Consensus มีนักวิเคราะห์แนะนำ "ซื้อ" 7 ราย ส่วน "ถือ" และ "ขาย" มีอย่างละ 1 ราย พร้อมทั้งให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยปีหน้าที่ 60 บาท