SCBAM นำเสนอกองทุน IPO ลงทุนหุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ 12-19 ต.ค. นี้

เพราะการโยกเงินจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าตลาดตราสารหนี้ เพื่อเก็งกำไรผลตอบแทนจากราคา หรือดอกเบี้ยพันธบัตรที่ปรับตัวสูง ในช่วงที่ผ่านมา ใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวในเร็ววันนี้ เมื่อสถานการณ์การขึ้นดอกเบี้ยเริ่มมีแนวโน้มผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้โอกาสที่จะเห็นการโยกเงินกลับเข้าตลาดหุ้นอีกครั้งเปิดกว้างขึ้น เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีหลายตัว และมี Valuation น่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ ที่ติดอยู่ในดัชนี Russell 2000 ที่มีโอกาสฟื้นตัวโดดเด่นระดับ 21-58% หลังผ่านช่วงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลงกว่า 20% มาตลอด 20 ปีนี้  

ดังนั้น บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) จึงเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอสสมอลแคปพาสซีฟ (SCBRS2000) ที่เน้นลงทุนในหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ ในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมกว่า 2,000 บริษัท ที่อยู่ในดัชนี Russell 2000 เป็นกองทุนแรกของไทย ระหว่างวันที่ 12–19 ตุลาคมนี้ ด้วยเงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท โดยนำเสนอ 2 แบบ คือ แบบสะสมมูลค่า SCBRS2000 (A) เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะกลางถึงยาว และแบบเพื่อการออม SCBRS2000 (SSF) เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะกลางถึงยาว พร้อมเอาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในโค้งสุดท้ายปีนี้

ทั้งนี้ กองทุน SCBRS2000 ทั้ง 2 แบบ จะลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ กองทุน iShares Russell 2000 ETF สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม (NAVs) ส่วนที่เหลืออีก 20% ของ NAVs อาจกระจายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หรือกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการ

นอกจากนี้ กองทุนอาจมีการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ (derivative) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

สำหรับกองทุนหลัก iShares Russell 2000 ETF จะบริหารจัดการโดย BlackRock Fund Advisors ที่ใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบ representative sampling indexing strategy เพื่อสร้างผลตอบแทนการลงทุนของกองทุนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงดัชนี Russell 2000 ซึ่งผลตอบแทนย้อนหลัง นับจากก่อตั้งกองทุน อยู่ในระดับ 7.3% ขณะที่ช่วง 5 ปีล่าสุด และ 3 ปีล่าสุด ทำได้ 5.0% และ 4.1% แม้ผลตอบแทนช่วง 1 ปีล่าสุด จะติดลบถึง 25.3%