AAI พร้อมเปิดขายหุ้น IPO รายย่อย 21, 25-26 ตค. ที่ราคาหุ้นละ 5.55 บาท ก่อนเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 1 พ.ย.

2412 จำนวนผู้เข้าชม  | 

AAI พร้อมเปิดขายหุ้น IPO รายย่อย 21, 25-26 ตค. ที่ราคาหุ้นละ 5.55 บาท ก่อนเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 1 พ.ย.

นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ Head of Investment Banking Capital Market บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ (TSC) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 637.5 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ที่หุ้นละ 5.55 บาท เทียบราคาพาร์ 1 บาท ระหว่างวันที่ 21 และ 25 - 26 ตุลาคมนี้ ผ่านบริษัทฯ และ บมจ. หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน ประเทศไทย (UOBKH) รวมถึงผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 6 ราย ประกอบด้วย บมจ. หลักทรัพย์ กรุงศรี (KSS) บมจ. หลักทรัพย์ กสิกรไทย (KS) บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) บมจ. หลักทรัพย์ ดาโอ ประเทศไทย (DAOL) บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ประเทศไทย (MST) และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) คาดว่า จะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

อย่างไรก็ตาม หากตัดการเสนอขายหุ้นสามัญของ AAI จำนวน 212.5 ล้านหุ้น ที่ บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 17 – 21 ตุลาคม รวมถึงหุ้นที่จะมีการจัดสรรให้ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน รวมถึงผู้ที่มีความเกี่ยวข้องและผู้มีอุปการะคุณของ ASIAN รวมทั้งสิ้น 221.5 ล้านหุ้น ส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน จะอยู่ที่ 204 ล้านหุ้น

"การกำหนดราคาเสนอขาย IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio หรือ P/E) ซึ่งคำนวณจากผลดำเนินงานของบริษัทฯ ย้อนหลังในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมปีที่แล้ว ถึงวันที่ 30 มิถุนายนปีนี้ ซึ่ง AAI มีกำไรสุทธิ 694.56 ล้านบาท เมื่อหารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.33 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 16.98 เท่า ซึ่งเป็นราคาที่สะท้อนพื้นฐานและศักยภาพการเป็นผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกชั้นนำของประเทศ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมากว่า 15 ปี" นายทวีชัย ให้ข้อมูล

ส่วนนายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ AAI  บอกว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อรับโอกาสทางธุรกิจ และมุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพ ความปลอดภัย ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ผ่านการใช้เงินระดมทุนในการพัฒนากระบวนการผลิต โดยนำเอาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาใช้ และขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอกับคำสั่งซื้อที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งใหม่ให้เพียงพอกับการขยายกำลังการผลิต รวมถึงชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน ต่อยอดการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน 

โดย AAI กำหนดเป้าหมายในการทำธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) ให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทั้งอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก และอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด เพื่อยกระดับจากที่เป็นเพียงผู้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Co-developer) ขึ้นมาเป็นคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partners) ที่เข้าใจความต้องการของคู่ค้า และพร้อมเติบโตไปด้วยกัน อีกทั้งวางเป้าหมายในการสร้างแบรนด์ของตนเองเพิ่มเติม เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม

ปัจจุบัน AAI มีผลิตภัณฑ์แบรนด์มองชู (monchou) และแบรนด์มาเรีย (Maria) จับตลาดพรีเมียม แบรนด์มองชู บาลานซ์ (monchou balanced) แบรนด์ฮาจิโกะ (Hajiko) เจาะตลาดมวลชน และแบรนด์โปร (Pro) จับตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก  

สำหรับกลุ่มธุรกิจอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) ตั้งเป้าเป็นผู้รับจ้างผลิตอาหารในบรรจุภัณฑ์ปิดผนึก ทั้งแบบกระป๋อง แบบถุงปิดสุญญากาศ (Pouch) และแบบบรรจุถ้วยพลาสติก ไม่จำกัดเพียงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ปลาทูน่าเป็นวัตถุดิบหลัก แต่ขยายวงไปในผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับเรื่องคุณภาพ และสามารถแข่งขันได้

ขณะที่นางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน AAI อธิบายเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการผลิตเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การลดต้นทุนการผลิต เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการทำกำไรให้ดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยพูดคุยกับลูกค้าในการวางแผนการสั่งซื้อล่วงหน้าประมาณ 1 ปี โดยกำหนดให้ส่งคำสั่งซื้อล่วงหน้าประมาณ 3 เดือน เพื่อให้ฝ่ายวางแผนนำประมาณการคำสั่งซื้อดังกล่าวมาบริหารจัดการ และประสานงานภายใน เพื่อสั่งซื้อวัตถุดิบและดำเนินการผลิตอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งมอบสินค้าได้ตามกำหนด ภายใต้ต้นทุนการผลิตที่เหมาะสม ส่งผลให้ AAI สามารถรักษาผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาฐานลูกค้ารายสำคัญ รวมถึงสามารถยกระดับสถานะของบริษัทฯ จากการเป็นผู้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Co-developer) เป็นคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ไปต่อยอดทั้งในกลุ่มธุรกิจระดับต้นน้ำและปลายน้ำ   

สำหรับผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีก่อนหน้านี้ (ปี 2562 – 2564) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 3,588.3 ล้านบาท 4,512.1 ล้านบาท และ 4,985.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 25.7% และ 10.5% ตามลำดับ ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 204.5 ล้านบาท 586.3 ล้านบาท และ 752.0 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง เนื่องจากตลาดผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงโดยรวมมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความนิยมในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น หนุนให้กำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นจาก 9.94% เป็น17.37% และ 21.46% ตามลำดับ

ส่วนผลดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,415.4 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 43% และมีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 441.6 ล้านบาท เติบโต 21.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สาเหตุจากลูกค้าเจ้าของแบรนด์เพิ่มคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ทั้งอาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้