2457 จำนวนผู้เข้าชม |
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) เปิดเผยว่า การจัดโรดโชว์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อให้นักลงทุนทั่วไปได้รับทราบข้อมูลพื้นฐาน และเข้าใจภาพธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดจนช่องทางการหารายได้ โอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ และแผนงานในอนาคต รวมถึงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อนำไปพัฒนาและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของบริษัทฯ ในระยะยาว ผ่านการลงทุนสร้างศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ (Vehicle Monitoring and Support Center) และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นอกจากนี้ ผู้บริหารของ DTCENT ยังโชว์วิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ที่สามารถตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการระบบติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม GPS ที่มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศได้อย่างชัดเจน จนได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากจำนวนผู้เข้าร่วมชมไลฟ์สด
ทั้งนี้ DTCENT ทำธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ ผลิต จำหน่าย และให้บริการเช่าอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม (GPS Tracking) รวมถึงระบบเทเลเมติกส์ (Telematics) สำหรับยานพาหนะ และซอฟต์แวร์สำหรับบริหารงานขนส่งอย่างครบวงจร
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาโครงการไอโอทีโซลูชั่น (IoT Solution) ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเป็นระบบอัจฉริยะในกลุ่มงาน IoT ที่หลากหลาย เช่น ระบบบริหารจัดการน้ำ, ระบบบริหารการจัดการองค์กรส่วนท้องถิ่น (Smart City Solution) ระบบ BAMS (Business Activity Management System) ระบบ BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform ให้แก่ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดยดำเนินการผ่านบริษัทย่อย 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท วิศวกรรม ซอฟต์แวร์ (WS) บริษัท ไทย ดิจิทัลแมพ (TDM) และบริษัท ดี คอร์ ซิสเต็ม อินทิเกรเตอร์ (DCORE) โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 90% 95% และ 90% ตามลำดับ
ด้านนายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ DTCENT กล่าวถึงจุดแข็งของบริษัทฯ ว่า ได้รับความร่วมมือจาก 2 พันธมิตรที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) และกลุ่มบุญรอด ซัพพลายเชน (BRS) ซึ่งร่วมเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฯ หลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) ในสัดส่วน 13.44% และ 11.20% ตามลำดับ โดย YES ช่วยพัฒนาให้ DTCENT เป็น Tier 1 Supplier ในการทำธุรกิจ OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับค่ายรถยนต์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ BRS ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการโลจิสติกส์
ที่สำคัญ การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตของ DTCENT ให้มีความมั่นคงด้านฐานะทางการเงินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ มีความสามารถในการแข่งขันระดับสากลมากขึ้น และด้วยประสบการณ์ของทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า 25 ปี รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้เชื่อมั่นว่า บริษัทฯ จะสามารถเติบโตในอนาคตได้อีกมาก สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า ลูกค้า ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นตามมา
สำหรับผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีก่อนหน้านี้ (2562-64) DTCENT มีรายได้รวม 810.94 ล้านบาท 639.38 ล้านบาท และ 591.53 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งการชะลอตัวของรายได้เกิดจากธุรกิจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ฉุดให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง ประกอบกับมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมขนส่ง ทั้งการขนส่งคนและการขนส่งสินค้าชะลอตัว ส่งผลให้ลูกค้าบางส่วนมีความต้องการใช้งานอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะ (GPS Tracking) ลดลง และบางส่วนชะลอการตัดสินใจในการลงทุน ซื้อสินค้า หรือเช่าอุปกรณ์จากกลุ่มบริษัทฯ ตามมา ส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2562-64 ลดลงมาอยู่ที่ 166.49 ล้านบาท 109.12 ล้านบาท และ 77.24 ล้านบาท ตามลำดับ
แต่เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดคลายตัวในรอบปีนี้ ความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรของบริษัทฯ เริ่มพลิกฟื้นดีขึ้นเป็นลำดับ
ทั้งนี้ DTECNT กำหนดเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 305 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.31% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 50 สตางค์ ซึ่งทางที่ปรึกษาทางการเงิน คาดว่า จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในปีนี้แน่นอน