2608 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 3,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ตามการเติบโตของสินเชื่อทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อบุคคล หรือบัตรเครดิต อีกทั้งธนาคารสามารถบริหารจัดการต้นทุนการเงิน และควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้ดีขึ้น ทำให้การตั้งสำรองฯ ลดลง 21.1% YoY หนุนให้รายได้ดอกเบี้ยปรับตัวดีขึ้น โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 12,968 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% YoY สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.4% YoY หนุนโดยรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายประกัน และค่าธรรมเนียมกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ธนาคารยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 7,447 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% YoY ส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 45% เป็นไปตามกรอบเป้าหมาย จากปัจจัยด้านรายได้และค่าใช้จ่ายข้างต้น จึงทำให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 8,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% YoY
สำหรับผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ ยังคงมีแนวโน้มดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) หนุนโดยปัจจัยแนวโน้มที่ดีด้านรายได้ การมีวินัยด้านค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ตามแผน และมีอัตราส่วนหนี้เสียในระดับต่ำที่ 2.72% ซึ่งช่วยลดแรงกดดันด้านการตั้งสำรองฯ ลดลง 17.9% YoY เหลือ 13,551 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารทำกำไรสุทธิได้ 10,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.8% YoY
ทั้งนี้ การตั้งสำรองฯ ในระดับดังกล่าวยังเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงเศรษฐกิจปกติ และเพียงพอรับความเสี่ยงที่จะเกิดในระยะต่อไป สะท้อนได้จากอัตราส่วนเงินสำรองฯ ต่อสินเชื่อคุณด้อยภาพของธนาคารที่เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว ที่ 129% มาอยู่ที่ 135% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) อยู่ที่ 26,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% YoY
ขณะที่ความเพียงพอของเงินกองทุน ยังอยู่ในระดับสูงเป็นลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม โดยอัตราส่วน CAR และ Tier I เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 20.0% และ 16.0% ณ สิ้นไตรมาส 3 สูงกว่าเกณฑ์ D-SIBs ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 12.0% และ 9.5% ตามลำดับ
โอกาสนี้ นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ttb ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การที่ผลดำเนินงานช่วง 9 เดือนปีนี้ปรับตัวดีขึ้น เป็นผลสำเร็จที่เกิดจากกลยุทธ์ที่ฝ่ายจัดการได้วางแผนเอาไว้ตั้งแต่ต้นปี ทั้งกลยุทธ์ในการขยายสินเชื่ออย่างมีคุณภาพ การบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และการเตรียมความพร้อมสำหรับวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น จึงทำให้พอร์ตสินเชื่อมีคุณภาพ มีสัดส่วนหนี้เสียที่อยู่ภายใต้เกณฑ์ควบคุมและอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม สำหรับช่วงที่เหลือของปี ธนาคารจะยังคงมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ และขยายสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยยึดมั่นกับการรักษาวินัยด้านค่าใช้จ่าย และยึดแนวทางการดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบ เพื่อรักษาแนวโน้มเชิงบวกของผลดำเนินงานในช่วงถัดไป
สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ส่วนใหญ่มีมุมมองว่า แนวโน้มธุรกิจของ ttb กำลังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวขึ้น และเริ่มเห็นผลจากการที่บริษัทปรับพอร์ตมาเน้นสินเชื่อกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงมากขึ้น ทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ยิ่งธนาคารมีการตั้งสำรองฯ ลดลง ช่วยผลักดันให้กำไรไตรมาส 3 และ 9 เดือนปีนี้ออกมาดีกว่าคาด และน่าจะสดใสต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ด้วย ทำให้หลายสำนักปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้า รวมถึงราคาเป้าหมายปีหน้าขึ้นมา ทำให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ยล่าสุด อยู่ที่ 1.53 บาท
ดาโอ (DAOL) ระบุว่า แนวโน้มการกันสำรองฯ ที่ต่ำกว่าคาด และกำไรที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด 18% เพราะตั้งสำรองลดลง และมีกำไรจากเงินลงทุนเข้ามาหนุน อีกทั้งแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ที่น่าจะเติบโตต่อเนื่อง YoY แต่ลดลง QoQ จากต้นทุนค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าขึ้น 10% และ 2% เป็น 1.33 หมื่นล้านบาท และ 1.48 หมื่นล้านบาท และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 1.55 บาท อิง P/BV ปีหน้าเดิมที่ 0.65 เท่า (เทียบเท่า -1 SD below 10-yr average P/BV) ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายที่ P/BV เพียง 0.56 เท่า (เทียบเท่า -1.5 SD below 10-yr average P/BV) และต่ำกว่ากลุ่ม ที่ซื้อขายบริเวณ 0.70 เท่า แนะนำ “ซื้อ”
หยวนต้า (YUANTA) บอกว่า น่าจะเห็นผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายของปีปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ รับความต้องการใช้สินเชื่อที่เร่งตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยที่เป็น Digital Platform ผ่าน TTB Consumer และ TTB Touch ช่วยเพิ่ม Asset Yield ของธนาคารให้แข็งแรงขึ้น ขณะเดียวกัน ยังคาดว่าจะเห็นการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เติบโต QoQ เช่นกัน จากแรงหนุนของงาน Motor Expo เช่นเดียวกับรายได้ค่าธรรมเนียมที่น่าจะเร่งตัวขึ้นหลังเข้าสู่ช่วง High Season ในไตรมาสสุดท้าย ขณะที่การตั้งสำรองฯ น่าจะทรงตัวใกล้เคียงไตรมาส 3 เนื่องจากธนาคารสามารถควบคุม NPL ได้ดี จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าขึ้น 4.4% และ 0.6% เป็น 1.41 หมื่นล้านบาท และ 1.47 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เพื่อให้สะท้อนภาพที่สดใสขึ้น
ที่น่าสนใจกว่านั้น ราคาหุ้น ttb ล่าสุดยังซื้อขายด้วย P/BV ที่ต่ำ เพียง 0.56 เท่า คิดเป็น Upside 21.8% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 1.56 บาท (อิง Prospective P/BV ที่ 0.66 เท่า) จึงแนะนำ "ซื้อ"