KLINIQ ชู คุณภาพทีมแพทย์-เครื่องมือ-ฐานลูกค้าที่ใช้บริการซ้ำ จุดแข็งปั้นธุรกิจเติบโต ไม่สร้างความผิดหวังนักลงทุน

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บมจ. หลักทรัพย์ ดาโอ ประเทศไทย (DAOL) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) เปิดเผยว่า การนำเสนอข้อมูล (Roadshow) บริษัทฯ เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจถึงภาพรวมธุรกิจ กลยุทธ์การทำธุรกิจ แนวทางสร้างการเติบโตของรายได้ ตลอดจนแผนงานและยุทธศาสตร์ในการเพิ่มศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต ภายหลังเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างคึกคัก จากการเป็นผู้นำธุรกิจสุขภาพและความงามแบบครบวงจร ซึ่งเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ที่มีโอกาสการเติบโตสูง

อีกทั้งประเทศไทยยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการแพทย์และความงามของภูมิภาค ทำให้เห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างชัดเจน ดูได้จากผลดำเนินงานช่วงครึ่งแรกปีนี้ ที่บริษัทฯ มีการเติบโตของรายได้และกำไรสูงเป็นเท่าตัว เมื่อ KLINIQ สามารถทำรายได้ 714.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.26% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 100.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.03% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เกือบใกล้เคียงกำไรสุทธิปีที่แล้วทั้งปีที่ทำได้ 129.25 ล้านบาท

 

ส่วนนายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KLINIQ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า พร้อมผลักดันการเติบโตของรายได้และกำไรช่วงครึ่งหลังปีนี้ให้เติบโตโดดเด่นต่อเนี่องจากครึ่งปีแรก ผ่านการขยายสาขา การให้บริการที่ครบวงจรและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นจุดแข็งในการทำธุรกิจของบริษัทฯ ให้สามารถรองรับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ที่ทยอยเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเป็นลำดับ รับการคลายล็อคดาวน์ และเปิดประเทศมากขึ้นทั่วโลก 

ที่สำคัญ การที่บริษัทฯ มีทีมแพทย์และบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ มีการอบรมให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐานสหรัฐฯ (US FDA) และใช้เทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงยาในการรักษาที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ผ่าน 39 สาขากระจายทั่วประเทศ ทำให้มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจาก KLINIQ มากกว่า 2 แสนราย ลูกค้ามีการใช้บริการซ้ำ สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ได้อย่างสม่ำเสมอ

 

ทั้งนี้ KLINIQ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 สตางค์ ให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering - IPO) คิดเป็นสัดส่วน 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายในโค้งสุดท้ายปีนี้ 

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมนำไปใช้ลงทุนเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์เพิ่มเติม ขยายศูนย์ศัลยกรรม และเปิดสาขาใหม่ปีละ 6-10 สาขา เน้นไปที่ทำเลยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงใช้พัฒนาระบบ IT และระบบบัญชี ให้เชื่อมโยงกับระบบการขายหน้าร้าน สามารถบันทึกธุรกรรมแบบทันที (Real-Time) ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และลดต้นทุนการดำเนินงานได้ควบคู่กันไป