CIMBT กำไรไตรมาส 3 หดตัว แต่รวม 9 เดือนปีนี้ กำไรโต 64% คุมค่าใช้จ่ายดีขึ้น หนี้เสียลด

นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ ว่า ธนาคารมีกำไร 695.97 ล้านบาท ลดลง 57.4 ล้านบาท หรือ 7.6% YoY สาเหตุจากรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ประกอบกับธนาคารมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ขณะที่มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

สำหรับงวด 9 เดือนปีนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 2,811.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,103.3 ล้านบาท หรือ 64.6% YoY สาเหตุหลักจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 3.9% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 45.5% เป็นผลจากการลดลงของการด้อยค่าของสินทรัพย์

ทั้งนี้ ธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานลดลง 0.4% YoY เหลือ 10,709.4 ล้านบาท สาเหตุจากรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจเช่าซื้อ และเงินให้สินเชื่อสุทธิลดลง กดดันให้อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (NIM) ลดลงจากจากช่วงเดียวกันปีก่อน 40 basis points มาอยู่ที่ 3.1% ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลง 6.4% YoY มาอยู่ที่ 485.8 ล้านบาท ถึงแม้รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจะเพิ่มขึ้น 17.7% มาอยู่ที่ 172.6 ล้านบาท ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นนายหน้าขายประกันและหน่วยลงทุน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 231.8 ล้านบาท หรือ 3.9% เนื่องจากการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงาน (Cost to Income ratio) ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนประมาณ 2% YoY มาอยู่ที่ 53.2% ส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) อยู่ที่ 8.1 พันล้านบาท

ณ สิ้นไตรมาส 3 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่น และเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงินรวมที่ 224.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากสิ้นปีก่อน ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ลดลง 0.3% เหลือ 3.4% เนื่องจากธนาคารมีการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพออกไปบางส่วน ประกอบกับสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ที่ระดับ 113.6%

สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง อยู่ที่ 20.5% ในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ในอัตรา 15.0%