บลจ.ทิสโก้ เสนอขายกองทุนหุ้นปันผลทั่วโลก THHIDIV เปิดขาย IPO 17-26 ต.ค.นี้

เพื่อบริหารผลตอบแทนจากการลงทุนในภาวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดมีความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ จนทำให้เศรษฐกิจโลกปีหน้าส่อเค้าเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้ บลจ.ทิสโก้ (TISCO ASSET) เล็งเห็นโอกาสในการลงทุนจากหุ้นปันผลสูง เพราะหุ้นกลุ่มนี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่าสม่ำเสมอ ส่งผลให้มีความผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้น สามารถเพิ่มมูลค่าของพอร์ตลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนระยะสั้นได้ในระดับหนึ่ง และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพอร์ตลงทุนในระยะยาว จึงเปิดตัวกองทุนเปิดทิสโก้ โกลบอล ไฮ ดิวิเดนด์ (TGHIDIV) ที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผลดีทั่วโลก เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 17–26 ตุลาคมนี้ ด้วยเงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท

ทั้งนี้ กองทุน TGHIDIV จะลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ หรือกองทุนรวมอีทีเอฟตราสารทุนต่างประเทศในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง และสม่ำเสมอ หรือบริษัทที่มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลดี หรือมีการเติบโตของเงินปันผลอย่างยั่งยืน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม (NAVs) ส่วนที่เหลืออีก 20% ของ NAVs อาจกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ตราสารทางการเงิน หรือหาดอกผลโดยวิธิอื่น ภายใต้เกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กำหนดไว้

นอกจากนี้ กองทุนอาจมีการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ (derivative) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

ในเบื้องต้น กองทุน TGHIDIV จะมีการลงทุนผ่านหน่วยลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ 2 กองทุน คือ กองทุน JPMorgan Investment Funds - Global Dividend Fund Class A (acc) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และกองทุน DWS Invest Top Dividend Fund Class USD LC สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งมีการคัดกรองหุ้นที่จะลงทุนอย่างละเอียด เพราะทั้ง 2 กองทุนมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนให้สูงกว่าดัชนีชี้วัด คือ ดัชนี MSCI World High Dividend Yield

ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนของกองทุน JPMorgan Investment Funds - Global Dividend Fund Class A (acc) สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลังเอาชนะดัชนีชี้วัดได้ตลอด โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ 8.56% และ 9.74% ตามลำดับ ขณะที่ผลดำเนินงานช่วง 1 ปีที่ผ่านมา คิดถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่นมา มีผลขาดทุน 8.2% ซึ่งต่ำกว่าดัชนีชี้วัดที่ขาดทุนเฉียด 15.9%   

ขณะที่กองทุน DWS Invest Top Dividend Fund Class USD LC มีผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ 2.16% และ 2.54% ตามลำดับ ขณะที่ผลดำเนินงานช่วง 1 ปีที่ผ่านมา คิดถึงสิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีผลขาดทุน 10.5% ซึ่งต่ำกว่าดัชนีชี้วัดที่ขาดทุนเฉียด 15.9%