KLINIQ เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 24.50 บาท เปิดจอง 28 ต.ค. - 1 พ.ย. นี้ ก่อนเข้าซื้อขายวันแรกในตลาด mai 7 พ.ย. นี้

2844 จำนวนผู้เข้าชม  | 

KLINIQ เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 24.50 บาท เปิดจอง 28 ต.ค. - 1 พ.ย. นี้ ก่อนเข้าซื้อขายวันแรกในตลาด mai 7 พ.ย. นี้

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บมจ. หลักทรัพย์ ดาโอ ประเทศไทย (DAOL) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก  (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 27.27% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 50 สตางค์ ในราคาหุ้นละ 24.50 บาท ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายนศกนี้ ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 6 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) บมจ. หลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด (KFS) บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย (PLS) และ บมจ. หลักทรัพย์ พาย (PI) โดยคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 7 พฤศจิกายนนี้

"มั่นใจว่า KLINIQ จะได้รับการตอบรับนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม ในฐานะผู้นำธุรกิจสุขภาพและความงามครบวงจร รายแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้น ที่มีจุดแข็งเรื่องโมเดลการทำธุรกิจแบบ Asset Light ทำให้การขยายสาขาทำได้รวดเร็ว ต้นทุนไม่สูง คืนทุนได้ภายใน 2-3 ปี อีกทั้งแบรนด์ THE KLINIQUE ยังมีความแข็งแกร่ง ทำให้โอกาสสร้างรายได้เปิดกว้าง ทั้งลูกค้าใหม่ๆ และลูกค้าเดิมหวนกลับมาใช้บริการซ้ำ ยิ่งผู้บริหารให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด ทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ไร้หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ดูได้จากผลดำเนินงานช่วงครึ่งแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 714.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.26% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 451.59 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 100.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.03% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สูงเกือบเท่ากำไรสุทธิทั้งปีในปีก่อน ที่ทำได้ 129.25 ล้านบาท" ที่ปรึกษาทางการเงิน ชี้ประเด็น

ขณะเดียวกัน นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KLINIQ กล่าวเสริมถึงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ว่า เตรียมนำเงินทุนไปใช้ขยายสาขาคลินิกเวชกรรม เฉลี่ยปีละ 6-10 สาขา ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล หัวเมืองใหญ่ และหัวเมืองรอง โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนขยายคลินิกเวชกรรม รวมถึงจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติมราว 950 ล้านบาท

"จากประสบการณ์ทางธุรกิจ และผลการศึกษาความคุ้มค่าของแผนลงทุนที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า การลงทุนขยายคลีนิกเวชกรรม คาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 2-3 ปี ส่วนศูนย์ศัลยกรรมจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท คาดว่าจะคืนทุนภายใน 3-4 ปี" ผู้บริหาร KLINIQ ให้ข้อมูลเพิ่ม

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมนำเงินไปลงทุนซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำนวัตกรรมทางการแพทย์ ขยายกิจการศูนย์ศัลยกรรม และพัฒนาระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฝ่ายสนับสนุน

โดยในส่วนของการพัฒนาระบบ IT วางงบลงทุนไว้ที่ 50 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ภายในปีหน้า ส่วนเงินที่เหลือราว 270 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับแผนงานในอนาคต

"เรามั่นใจว่าด้วยจากโมเดลธุรกิจ Asset Light และฐานะการเงินที่มีความแข็งแกร่ง หลังเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น จะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก อีกทั้งแบรนด์ THE KLINIQUE ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่มีกว่า 2 แสนรายกลับมาใช้ซ้ำ ทำให้มี Recurring Income อย่างต่อเนื่อง ขณะที่แผนขยายสาขา จะทำให้บริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ขับเคลื่อนให้ผลดำเนินงานมีแนวโน้มสร้างสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง" นายแพทย์อภิรุจ กล่าวทิ้งท้าย

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้