2660 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) รายงานกำไรไตรมาส 3 ปีนี้ที่ 774 ล้านบาท เติบโต 17.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่หดตัว 24.7% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยการเติบโต YoY เกิดจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น 3% และการเปิดสาขาใหม่ 3 แห่งในรอบ 1 ปี รวมเป็น 77 แห่ง และอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง โดยทำได้ 25.8% สาเหตุจากจากการปรับสัดส่วนและกระตุ้นยอดขายสินค้ากลุ่มแบรนด์ของบริษัทฯ (House Brand)
ส่วนการหดตัว QoQ เป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล (low season) ของธุรกิจซึ่งกิจกรรมการก่อสร้างชะลอตัว ประกอบกับได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัดภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และหน้าฝนปีนี้ที่กินเวลานานกว่าปีก่อน กดดันให้ยอดขายชะลอตัวลง สวนทางต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ที่เร่งตัวขึ้นตามการขยายสาขา
สำหรับผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯ มียอดขายรวม 2.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% YoY ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.97 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.97% YoY
ผลดำเนินงานข้างต้นถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ทยอยปรับประมาณการกำไรสุทธิ และราคาเหมาะสมของ GLOBAL เพิ่มขึ้นตามมา
ดาโอ (DAOL) บอกว่า ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าขึ้น 8% และ 7% เป็น 3.8 พันล้านบาท และ 3.9 พันล้านบาท ขยายตัว 13% และ 4% YoY ตามลำดับ ตามการปรับเพิ่มรายได้ขึ้นมาที่ 3.6 และ 3.9 หมื่นล้านบาท ให้สอดรับกับความต้องการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังเหตุการณ์น้ำท่วม และกิจกรรมการก่อสร้างที่เริ่มกลับมาหลังหมดฤดูฝน ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ซึ่งจะผลักดันให้แนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปีนี้เติบโตทั้ง YoY และ QoQ
ขณะเดียวกัน ยังเชื่อมั่นว่า บริษัทฯ จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยได้ในระดับ 25-26% ตลอด 2 ปีนี้ จากที่คาดไว้เดิม 24.5% ส่งผลให้ปรับราคาเป้าหมายปีหน้าเป็น 26.00 บาท อิง PER เดิมที่ 31.5 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ย 5 ปี พร้อมแนะนำ "ซื้อ" ถึงแม้ราคาหุ้นช่วง 1 เดือน และ 3 เดือนที่ผ่านมา จะ outperform ตลาด 2% และ 7% เพราะมองว่าหุ้นยังสามารถ outperform ได้ต่อ จากแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายของปี และไตรมาสแรกปีหน้าที่คาดจะสดใสขึ้นจากไตรมาส 3
เช่นเดียวกับซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (CGS-CIMBS) ที่ประเมินว่า แนวโน้มกำไรไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ต่อเนื่องไตรมาสแรกปีหน้าของ GLOBAL จะยังคงสดใส จากมาร์จิ้นที่ขยายตัวดีกว่ าคาด และแผนกลับมาขยายสาขาในปีหน้า 7-8 แห่ง ผลักดันให้กำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นราคาเหมาะสมที่ 25.50 บาท
ส่วนฟิลลิป (PLS) บอกว่า ปรับประมาณการกำไร และราคาพื้นฐานขึ้นจากงบการเงินไตรมาส 3 ที่ดีกว่าคาด และแนวโน้มกำไรไตรมาสสุดท้ายที่คาดจะดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากกำลังซื้อต่างจังหวัดที่ยังดี และอุปสงค์หลังน้ำท่วมคลี่คลาย โดยให้มูลค่าเหมาะสมปีหน้าที่ 26.50 บาท อิง P/E 31 เท่า พร้อมแนะนำ "ซื้อ"
ขณะที่ไพ (PI) ที่เชื่อมั่นว่า จะเห็นการเติบโตของกำไรต่อเนื่อง ทั้ง YoY และ QoQ จากปัจจัยด้านอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ทั้งความต้องการปรับปรุงบ้านหลังน้ำลด ปัจจัยฤดูกาล และยอดขายย่านท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว เสริมด้วยปัจจัยด้านอุปทาน ที่เกิดจากการขยายสาขาใหม่ 2 แห่งในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ และอัตรากำไรจากสินค้าแบรนด์ของบริษัทฯ ที่สูงขึ้น และการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้ และปีหน้าขึ้นปีละ 2% เพื่อให้สะท้อนถึงส่วนแบ่งกำไรที่แข็งแกร่งจากธุรกิจร่วมทุนในต่างประเทศ และอัตรากำไรที่สูงกว่าคาด จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 23.00 บาท อิง P/E ปีหน้าที่ 30 เท่า คิดเป็นส่วนลด 15% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่ม