KJL เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 13.50 บาท เปิดจอง 9 - 11 พ.ย. นี้ ก่อนเข้าซื้อขายวันแรกปักษ์หลัง พ.ย. นี้

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ. กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค (KJL) เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 30 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.86% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ ในราคาหุ้นละ 13.50 บาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 50 สตางค์ ระหว่างวันที่ 9-11พฤศจิกายน ผ่านบริษัทฯ และผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นอีก 3 ราย ประกอบด้วย บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย (KGI) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง (KTX) และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส (ASPS) คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในครึ่งหลังเดือนพฤศจิกายนนี้ 

สำหรับการกำหนดราคา IPO ที่ 13.50 บาท ใช้วิธีประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (Price to Earnings Ratio : P/E) คำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลดำเนินงานช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนปีที่แล้ว ถึงวันที่ 30 มิถุนายนปีนี้ ซึ่ง KJL มีกำไรสุทธิรวม 111.96 ล้านบาท และจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้จำนวน 116 ล้านหุ้น (Fully diluted) ได้กำไรสุทธิต่อหุ้นประมาณ 0.97 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 13.99  เท่า ถือเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน

"KJL เป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตและเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์อนาคต มีทีมผู้บริหารและทีมงานที่มากประสบการณ์และคร่ำหวอดในธุรกิจมานานกว่า 30 ปี เป็นที่รู้จักและได้การยอมรับจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ตลอดจนพันธมิตรระดับโลก ในฐานะผู้นำนวัตกรรมผลิตตู้ไฟ สวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ และงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ ด้วยเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น แบบครบวงจร อีกทั้งมีจุดเด่นเรื่องอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 25% ที่สำคัญ การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขยายกำลังการผลิต ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตต่อเนื่องและยั่งยืน ทำให้มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้น IPO ของ KJL จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน" นายพายุพัด ชี้ประเด็๋น 

ขณะเดียวกัน นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KJL อธิบายเพิ่มว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) ลงทุนศูนย์นวัตกรรม (KJL Innovation Campus) เพื่อยกระดับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และมีความแตกต่างในแต่ละอุตสาหกรรมได้ครบวงจร อีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้สามารถก้าวสู่ความเป็นเลิศในอุตสาหกรรม ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน มีนวัตกรรมและคุณภาพ สามารถส่งมอบได้ตรงเวลา สอดรับกับค่านิยมองค์กร (Core Value) ซึ่งประกอบด้วย FLEXIBLE, INNOVATION SPEED และ TRUSTWORTHY ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

"การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ จะช่วยให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน พร้อมสนับสนุนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไร ให้สอดรับกับแนวโน้มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเติบโตในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Digital Economy ซึ่งมีความต้องการสูงขึ้นเป๋นลำดับ ผลักดันให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ในฐานะผู้นำนวัตกรรม ตู้ไฟรางไฟ ขับเคลื่อนไฟฟ้า เพื่ออนาคตคุณ” นายเกษมสันต์ ให้คำมั่น

สำหรับผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีล่าสุด (2562-64) KJL มีรายได้จากการขาย 753.67 ล้านบาท 708.18 ล้านบาท และ 845.78 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปีละ 5.93% ส่วนกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องจาก 19.49 ล้านบาท เพิ่มเป็น 90.97 ล้านบาท และ 94.04 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่ผลดำเนินงานช่วงครึ่งแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 502.89 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 65.79 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน 18.3% และ 37.4% ตามลำดับ