เชื่อ SMT กำไรทำ New high ต่อเนื่องปีหน้า แต่แนะแค่เก็งกำไร ตลาดกังวล Receesion ในยุโรป

หลังจาก บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศไทย (SMT) ประกาศผลดำเนินงานไตรมาส 3 โชว์สถิติสูงสุดรายไตรมาส มีกำไรสุทธิ 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ถึง 45% และดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) 81% เนื่องจากรายได้เติบโตแข็งแกร่งทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ตามคำสั่งซื้อจากทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ ในสินค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น Box Build, Optics หรือ IC Packaging ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าคาด ถึงแม้จะอ่อนตัวลงทั้ง QoQ และ YoY จากต้นทุนที่สูงขึ้น และ Product Mix ผลักดันให้กำไรปกติเพิ่มขึ้น 15% QoQ และ 43% YoY อีกทั้งยังมีการบันทึกหนี้สูญรับคืนเข้ามา 29 ล้านบาท และส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกปีนี้ พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 231 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 41.0% YoY แต่หากตัดรายการพิเศษออกไป บริษัทฯ จะมีกำไรปกติงวด 9 เดือนปีนี้ 206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.7% YoY

ผลดำเนินงานดังกล่าว ถือได้ว่า ดีกว่าตลาดคาด ยิ่งผู้บริหารออกมาให้ข้อมูลเพิ่มว่า คาดจะเห็นกำไรดีต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี เพราะบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อครอบคลุมทั้งไตรมาสแล้วราว 900 ล้านบาท ส่งผลให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประสานเสียงว่า น่าจะเห็นการเติบโตของรายได้และกำไรทั้งปีทำสถิติสูงสุดใหม่   

ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ชี้ว่า คาดจะเห็นกำไรดีต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี เมื่อบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อครอบคลุมทั้งไตรมาสราว 900 ล้านบาท ผลักดันให้รายได้ทั้งปีทำสถิติสูงสุดใหม่แตะระดับ 3 พันล้านบาท เติบโต 37% YoY ขณะเดียวกัน ผู้บริหารยังประกาศเป้ารายได้ปีหน้าโตต่อเนื่องอีก 30% YoY สู่ระดับ 4 พันล้านบาท เพราะบริษัทฯ ได้รับคำสั่งซื้อทั้งจากลูกค้าเก่าและใหม่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ มีการรุกขยายตลาดยุโรปมากขึ้นจากที่พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก ในปัจจุบัน โดยยังไม่เห็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) อีกทั้งปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มคลายตัว ยังคงประมาณการกำไรปกติปีนี้ และปีหน้าตามเดิมที่ 286 ล้านบาท (+42% YoY) และ 336 ล้านบาท (+16.5% YoY) ตามลำดับ คงราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 6.50 บาท อิง P/E 20 เท่า แนะนำ “เก็งกำไร”

เช่นเดียวกับเอเซีย พลัส (ASPS) ที่คงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ และปีหน้า เติบโต 40.8% YoY และ 30.4% YoY จาก แนวโน้มรายได้รวมที่เติบโตถึง 32.9% YoY และ 22.9% YoY หนุนโดยการได้ลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าสั่งซื้อมากขึ้น และปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนทยอยดีขึ้น นอกจากนี้ ยังคาดอัตรากำไรขั้นต้น 2 ปีนี้จะปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 21.0% และ 20.5% ตามลำดับ ผลักดันให้ราคาเป้าหมายปีหน้าควรอยู่ที่ 6.60 บาท อิงวิธี DCF  อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบริเวณ P/E ปีหน้า ระดับ 13 เท่า เทียบกับการเติบโตของกำไรสุทธิไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จึงแนะนำ "ซื้อ" 

ขณะที่หยวนต้า (YUANTA) คงประมาณการกำไรปกติปีนี้และปีหน้าตามเดิม ที่ 269 ล้านบาท (+35.8% YoY) และ 331 ล้านบาท (+23% YoY) เพราะคาดการเติบโตของรายได้ปีหน้าเพียง 11% YoY ต่ำกว่าที่ผู้บริหารคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 30% YoY เพราะยังมีความกังวลผลกระทบที่อาจเกิดจากเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะในตลาดยุโรป ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ SMT กำลังขยายฐาน แต่พร้อมปรับเพิ่มประมาณการยอดขายทันทีที่เห็นผลสำเร็จจากการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ในยุโรปว่ายังเกิดขึ้นได้ตามแผน แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจในยุโรปเริ่มเข้าสู่ Recession ในครึ่งแรกปีหน้า พร้อมคงราคาเหมาะสมปีหน้าที่  6.20 บาท อิง P/E 18 เท่า แนะนำเพียง "เก็งกำไรระยะสั้น" เนื่องจากรอบการลงทุนรอบใหม่สำหรับหุ้นกลุ่ม Electronics และ SMT คงต้องรอดูผลกระทบที่อาจเกิดจากภาวะ Recession ในไตรมาสแรกปีหน้าอีกครั้ง